งานเขียนของดร.สุวินัย ภรณวลัย

นิยายเรื่องนี้ ผมดัดแปลงมาจาก การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง "เค็นจิ" ของอาจารย์มัทสุตะ ริวจิ ซึ่งผมถึงว่าท่านเป็นครูมวยคนหนึ่งของผม ผมตั้งใจจะถ่ายทอด ขยายความ เพิ่มเติมหลักวิชามวยจีนสายต่าง ๆ โดยผ่านนิยาย "ยุวมังกร" (YOUNG DRAGON) เรื่องนี้ เพื่อเป็นการฝึกฝนตนเองทั้งทางร่างกายและจิตใจของเยาวชนไทยทุกคนจะได้เติบใหญ่ เป็น "ผู้นำ" ที่เก่งกล้า มีคุณธรรม เหมือน "เค็นจิ" ตัวเอกในนิยายเรื่องนี้สืบไป ขอให้เยาวชนไทยที่น่าสนใจ "ศาสตร์ตะวันออก" สายนี้โปรดติดตาม ผมเชื่อมั่นว่านิยายเรื่องนี้ของผม จะไม่ทำให้พวกเธอผิดหวังอย่างแน่นอน ด้วยความปรารถนาดีสุวินัย ภรณวลัย 29 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1996 สำนักยุทธธรรม (เซบุคัง) กรุงเทพ ประเทศไทย

ภายหลังจากที่ผมได้นำเสนอเรื่องราวของ "มูซาชิ" สู่สังคมไทย จนได้รับปฏิกิริยาตอบสนองอย่างดีมากแล้ว ผมกลับมีความรู้สึกว่า "มูซาชิ" ได้ติดค้าง "โอซือ" เอาไว้มากเหลือเกิน ยิ่งอิทธิพลของ "มูซาชิ" ฉบับท่าพระจันทร์ (เมษายน 2538) ที่มีต่อความนึกคิดของท่านผู้อ่านไทย มีมากขึ้นเพียงใดผมก็ยิ่งห่วงในด้านที่เป็น "หยาง" ของมูซาชิ จนทำให้ต้องนำเสนอ "เค็นอิจิโร่" ที่เป็น "หยิน" ขึ้นมาคานวิถีของมูซาชิ เพื่อให้เกิดความมีสมดุลกันด้วยวิถี ของเค็นอิจิโร่ แต่ที่เหนือสิ่งใดอื่นที่ทำให้ผมจับปากกานำเสนอเรื่องนี้ออกมาทั้ง ๆ ที่บัดนี้ผมมีภาระรัดตัวกว่าสมัยก่อนมากมายนัก ก็คือ ผมต้องการไถ่โทษให้แก่ "มูซาชิ" ที่ติดค้างน้ำใจแก่ "โอซือ" เอาไว้มากเหลือเกิน บัดนี้ถึงคราวของ "เค็นอิจิโร่" ที่จะต้องสำแดงน้ำใจที่ร้อนระอุของเขาออกมาอย่างไม่อำพรางเพื่อ "มิเร็น" ของเขาบ้าง

ดาบหนึ่งเล่ม ปากกาหนึ่งด้าม มูซาชิใช้ "ดาบ" ของเขาบันทึกประวัติการแสวงหา "อภิมรรค"ตลอดทั้งชีวิตของเขา ขณะที่ผมเลือกใช้ "ปากกา" ซึ่งเปรียบประดุจกระบี่ปัญญา ในยุคปัจจุบัน บันทึกประวัติการแสวงหา อภิมรรค ของตัวผมมาโดยตลอดเช่นกัน ผมมีความภูมิใจที่ในช่วงชีวิตหนึ่งของผม ผมสามารถได้มีโอกาสใช้ "ปากกา" ของผมผนึกแนบแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ "ดาบ" ของมูซาชิ ภายใต้แรงบันดาลใจจากผลงานอมตะของคุณโยชิคาว่า เอญิ จนกระทั่งปรากฏออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้ และผมก็หวังว่าหนังสือเล่มนี้คงเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่จะเป็นเพื่อนร่วงทางกับ "พวกเรา" ในการเดินทางแสวงหา "อภิมรรค" ร่วมกันตลอดไป

มนุษย์ทุกคนย่อมมีเทพภาวะอยู่ในตัว เพียงแต่ว่าไม่ค่อยนมีใครตระหนักรู้ถึงสิ่งนี้ คำสอนของเทพเจ้าจึงมุ่งให้มนุษย์ได้เข้าใจว่าคนเราก็เป็นอณูหนึ่งของเทพเจ้าเช่นเดียวกัน ด้วยการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองและการค้นหาภายในตนเองเท่านั้น มิได้มาจากสิ่งภายนอกที่ไม่จีรัง พบกับภูมิปัญญาที่มุ่งสู่การฝิกฝนเรียนรู้การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อชีวิตใน "เทพพจนา" โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย

หนังสือเล่มนี้จะว่าไปแล้วมันเป็นผลพวงจากเหตุการณ์กรณีเปรตคำชะโนด(14-13 พ.ค.) ที่ผมมีเหตุ ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ก็เห็นจะไม่ผิดนัก หากงานเขียนเชิงแนวคิด-ภูมิปัญญาของคนๆหนึ่งแยกไม่ได้กับ ชีวทัศน์และวิถีชีวิต ของคนผู้นั้นด้วยแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็ได้เปิดเผยด้านๆนี้ของตัวผลและสถานะทางญาณวิทยาของผม ออกมาอย่างชัดแจ้ง ซึ่งน่าจะทำให้ "ผู้อ่านสามารถใช้ประโยชน์จากความคิดและแบบอย่างของสุวินัยได้อย่างรอบคอบรัดกุมขึ้นโดยไม่ผลีผลามเชื่อหรือเดิน ตามโดยขาดสติวิจารณญาณได้" (เกษียร เตชะพีระ)

หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือน "ปฐมบท" ที่แนะนำผู้อ่านเข้าสู่โลกของศาสตร์ตะวันออก ในเล่มนี้ผู้อ่านจะได้สัมผัสกับ "สารัตถะ" ของพุทธมหายาน, เซน, ฮินดู, เถรวาท, เต๋า (ไท้เก๊ก), ตันตระ, ราชาโยคะ, อภิศาสตร์แห่งรัก, วัชรยาน, ศิลปะแห่งการหายใจ, คุรุ ทัศน์ และจิตวิทยาข้ามพ้นตัวตน เป็นต้น ซึ่งสรรพศาสตร์ที่ผมนำมาเสนอในหนังสือเล่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลผลึกจากการ ศึกษาค้นคว้าฝึกฝนปฏิบัติของตัวผมอย่างยาวนานทั้งสิ้นมันเป็นความใฝ่ฝันของ ผมที่จะทำให้หนังสือ "หัวใจมังกร" เล่มนี้มีทั้ง ความง่ายในฐานะที่เป็นบทแนะนำเบี้องต้นสำหรับศาสตร์ตะวันออกสายต่าง ๆ และก็มีความลึกล้ำในฐานะที่เป็นแก่นแท้ของศาสตร์นั้น ๆ ให้ดำรงอยู่ในเล่มเดียวกัน

สำหรับชุมชนพุทธไทยก็คือการปรากฏตัวของพุทธแบบฝ่ายโลกุตรธรรมร่วมสมัยที่นำ โดยท่านพุทธทาสมันได้ช่วยยกระดับภูมิปัญญาทางศาสนาให้แก่ประเทศนี้ แต่ ข่าวร้าย ก็คือ การมีใช้อำนาจความถูกต้องของโลกทัศน์แบบนี้ไป เข่นฆ่า (ทางความคิด) ต่อพุทธฝ่ายอื่น ๆ ภายในโลกทัศน์ที่หา "ความเข้าใจร่วมกัน" ไม่ได้ ดังในกรณีของสันติอโศก เป็นอาทิ เราเชื่อว่าการกระทำเช่นนี้ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามคือ "เผด็จการทางความคิด" อย่างหนึ่งที่อาจทำให้เกิดบาปทางจิตวิญญาณต่อคนไทยอีก 80 % ของประเทศที่เชื่อในเรื่องเทพ, พรหม, ไสยศาสตร์ ฯลฯ ไม่น้อยไปกว่าพวกที่อ้างชื่อพระศาสดามาหากินแบบไดเร็กเซลล์ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการบอกกล่าวของเราที่มีต่อคนอื่น ๆ ที่กำลัง "ลอยคอ" อยู่ด้วยกัน เพื่อจะได้รู้ทิศรู้ทางกันบ้างว่าพวกเรา "ลอยล่อง" มาถึงไหนแล้ว เท่านั้นเอง หากความเห็นโต้แย้งใด ๆ ของเราที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใดบ้าง เราขอขมาและอโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ด้วย พวกเราเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมาด้วยความรักใน "พระธรรม" และเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมแสวงหาธรรมทั้งหลายอย่างใจจริงและบริสุทธิ์ใจ

บทส่งท้ายของวิชาการมากหลาย ซึ่งตามร่องรอยมาตั้งแต่มังกรจักรวาลเล่ม 1 ถึง เล่ม 7 มาสรุปว่า อานิสงส์จะเกิดผล ต่อเมื่อได้ลงมือปฏิบัติเท่านั้น นี่คือสัจธรรม โชคชะตามิได้ล่องลอยมาจากฟากฟ้า แต่โชคชะตาเกิดจากกรรมและกรรมนั้นคือการกระทำ ไม่มีใครรอดพ้นกรรมแห่งตน ในบทนี้มีเรื่องราวที่เหลือเชื่อ แปลงประหลาด บางเรื่องพิสูจน์ได้ บางเรื่องยากแก่การพิสูจน์ จะมีก็แต่ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้นจึงจะเกิดผล

หนังสือมังกรจักรวาล ภาค 6 "บูรพาไม่แพ้" เล่มนี้เป็นสุดยอดแห่งความภาคภูมิใจของผมอีกเล่มหนึ่งในการรับใช้ผู้อ่านและสังคมนี้ เพราะวิชาทางจิตคือสุดยอดวิชาของมวลมนุษย์และเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ ให้ความเชื่อมั่นได้ว่า วิถีแห่งตะวันออกของพวกเราไม่มีวันพ่ายแพ้เป็นอันขาด บูรพาไม่มีวันแพ้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ มากมายเพียงใดก็ตาม หนังสือ "บูรพาไม่แพ้" เล่มนี้เป็นภาคต่อของหนังสือมังกรจักรวาล ภาค 5 "ริ้วรอยเทพยดา" ของผม ทางที่ดีท่านผู้อ่านควรอ่านควบคู่กันไปเพราะจะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด แต่ถึงอ่านหนังสือเล่มนี้เพียงโดด ๆ ผมก็มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าคุณค่าของหนังสือเล่มนี้จะคงอยู่ต่อไปอีกนาน แสนนาน เพราะวิชาสมาธิของหลวงปู่ฤาษีเวชยันต์ผู้เป็นคุรุของท่านอาจารย์แอ๊ด เกจิอาจารย์ทางด้านธาตุกายสิทธิ์และสมาธิแห่งยุคเพิ่งได้รับการเปิดเผยใน หนังสือเล่มนี้เป็นครั้งแรกในโลกรวมทั้งเรื่องมหัศจรรย์ทั้งหลายด้วย วิชาลม 7 ฐานและวิชาสมาธิพระโพธิสัตว์ ที่ได้รับการเปิดเผยใน "ริ้วรอยเทพยดา" ก็ดี วิชาธาตุกายสิทธิ์, วิชาเจาะเวลาผ่านมิติ และวิชาสมาธิแบบหลวงปู่ฤาษีเวชยันต์ ที่ได้รับการเปิดเผยในหนังสือเล่มนี้ก็ดี คือ คุณูปการอันใหญ่หลวงที่ประเทศนี้ได้มอบไว้ให้แก่ชาวโลกทั้งปวงในศตวรรษที่ 21 นี้ อย่างแน่นอน

ในหนังสือ "ริ้วรอยเทพยดา" เล่มนี้ ท่านผู้อ่านจะได้ทราบเรื่องราวที่ผมไปพบท่านสัตยาไส บาบา เรื่องราวของ หลวงปู่เทพโลกอุดร ที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราในครั้งนี้ รวมทั้ง ธาตุกายสิทธิ์ ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระธาตุ เหล็กไหล เพชรพญานาค เหล็กไหลนาคราช ปรอทกายสิทธิ์ เหล็กไหลอุกาบาต ฯลฯ ที่ผมได้มาเป็นเจ้าของอย่างเหลือเชื่อ ภายในช่วงเวลาไม่ถึง 3 เดือนดี มิหนำซ้ำ เรื่องราวของธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ยังโยงใยกับทางรอดอันศักดิ์สิทธิ์ ในครั้งนี้ของพวกเราอย่างน่าอัศจรรย์ใจเป็นที่สุด เท่าที่ผ่านมาผมรักประเทศนี้จึงคิดช่วยเหลือประเทศนี้อย่างสุดชีวิต แต่ผมก็ไม่เคยคิดหรือตระหนักว่า ประเทศนี้เป็น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ภายหลังจากที่ผมได้สัมผัสกับ "คุรุ" สุดประเสริฐ ผู้เป็นดวงจิตของหลวงปู่เทพโลกอุดรแบ่งภาคลงมา ได้ขึ้นกรรมฐานกับเกจิอาจารย์แห่งธาตุกายสิทธิ์ ผู้มีอดีตชาติเป็นมหาฤาษีผู้ทรงฤทธิ์ ได้กลายเป็นศิษย์ของ "พระในดง" ผู้ทรงอภิญญาที่ออกจากดงเพื่อมาช่วยชาวโลก ได้พบฆราวาสผู้เป็นนักบุญแห่งล้านนาผู้บำเพ็ญทานบารมีอันสูงส่ง ได้สัมผัส "ปาฏิหาริย์" ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระธาตุ รวมทั้งได้เห็นและครอบครองวัตถุอัศจรรย์ที่ไม่ใช่ของบนโลกนี้ จึงทำให้ทัศนะของผมที่มีต่อมาตุภูมินี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมประเทศนี้มิใช่เป็นแค่ประเทศที่ผมรักอย่างยอมอุทิศชีวิตให้เท่านั้น

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเพื่อการทวงจิตวิญญานคืนให้กับเพื่อนมนุษย์ที่ร่วมชะตาเดียวกับผมบนโลกใบนี้ในยุคนี้ที่มีครั้งเดียวในรอบพันปีนี้ผมหวังว่าพวกท่านจะอ่านมันด้วยจิตที่ปราศจากอคติ หรือมี ทิฐิใดตั้งไว้อยู่ในใจก่อนแล้ว ผมเพียงแต่นำความเร้นลับและความจริงแท้บางอย่างจาก ดวงจิตที่สูงส่งทั้งหลายมาสนทนากับพวกท่านเท่านั้น... ผมเชื่อมั่นว่าพวกท่านทุกคนที่ได้อ่านงานเขียน มังกรจักรวาล ชุดนี้ของผมไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างเด็ดขาด ไม่มีความบังเอิญแน่ในเรื่องนี้ เพียงแต่พวกเรายังไม่รู้ ความหมายแฝงเร้นของเรื่องราวทั้งหมดที่กำลังจะปรากฏออกมาใน "ละครโลก" ใบนี้

"ครรลองโยคะ" เป็นภาคที่สามของหนังสือชุด "มังกรจักรวาล" เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ยังคงเป็นวิชาว่าด้วยทางรอดจากหายนะ หากเนื้อหาของ "เทพอวตาร" เป็นภารให้ภาพกว้างของวิถีทางที่จะช่วยให้รอดพ้นจากหายนะ "ครรลองโยคะ" ก็ลงลึกในรายละเอียดของหนทางนั้น ตามความเข้าใจหลังจากที่ได้อ่าน "ครรลองโยคะ" แล้ว ความหมายของคำว่า "โยคะ" มิได้หมายถึงวิธีการบริหารร่างกายเพื่อให้สมสัดส่วนตามที่คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจกันเท่านั้นแต่ "โยคะ" คือ ระบบแห่งการฝึกกายและฝึกจิตใจควบคู่กัน อย่างเป็นขั้นตอน จนกระทั่งสามารถค้นพบอิสรภาพของจิตวิญญาณได้ ความหมายของโยคะในคัมภีร์อุปนิษัท ให้ความหมายวิถีของโยคะหรือครรลองโยคะว่า เป็นวิถีแห่งการรวม "กาย" ที่แข็งแกร่งมีพลัง กับ "จิต" ที่ได้รับการฝึกฝนมาจนมีวินัยดีแล้ว เพื่อจุดประสงค์ในการพัฒนาทางจิตวิญญาณ

  ในภาค 2 นี้ ท่านจะได้รู้จักเอ็ดการ์เคซี หมอเทวดาหรือโหรนิทรา พร้อมคำเตือนมายังเราทุก ๆ คนในยุคนี้ ท่านสัตยา ไส บาบา ผู้มาช่วยโลกคนหนึ่งพร้อมคำสอน การบันทึกเสียงจากอวกาศที่ไกลจากพื้นโลกหลายพันไมล์ เป็นเวลา 2 ชั่วโมงที่เสียงประหลาดพูดคุยกันเนื้อหาบางตอนเหมือนบทสนทนาในภควัตคีตา เราจะพบหลักคิดของพระกฤษณะที่ทรงสั่งสอนอรชุน, การรู้จักฮอร์โมนที่หลั่งในสมองโดยเฉพาะ "เมลาโทนิน" ทั้งการคิดในแง่บวก, การทำสมาธิของเรามีผลให้สุขภาพเราดีขึ้น การออกกำลังกาย, การบริโภคอาหารที่เหมาะสมกับอายุล้วนพัฒนาคุณภาพชีวิตของเราให้ดีขึ้น, ท่านเลือง มินห์ ด๋าง วิชาพลังจักรวาลเพื่อการรักษาโรคและความลับปิระมิด ซึ่งเป็น "มรดกของมนุษย์ต่างดาว"

 คงมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่เชื่อว่าในโลกนี้มีสิ่งที่วิทยาศาสตร์หรือสามัญ สำนึกของปุถุชนธรรมดาไม่อาจอรรถาธิบายได้ดำรงอยู่จริงมิหนำซ้ำบางคนอาจได้ ผ่าน "ประสบการณ์ เร้นลับ" เช่นนั้นด้วยตนเองด้วยซ้ำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็น การพยากรณ์อนาคต การถอดกายทิพย์ ญาณทัศนะ (ความรู้หรือปัญญาที่ไม่ได้มาจากการศึกษาร่ำเรียน) หรือแม้แต่ยานบินของมนุษย์ต่างดาว (UFO) สิ่งเหล่านี้อาจเหลือเชื่อ เพ้อเจ้อ สำหรับคนอื่นก็ตาม แต่ไม่ต้องเป็นที่สงสัยเลยว่ามันจะต้องเป็นประสบการณ์ที่เป็นจริงอย่างไม่ อาจเคลือบแคลงได้เลยสำหรับคนผู้นั้นทีได้ประสบด้วยตัวเองอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำมีหลายครั้งที่ "ประสบการณเ์ร้นลับ" อันนั้นได้ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตหลังจากนั้นของคนผู้นั้นด้วย ไม่ว่าในทางที่ดีขึ้นหรือตกต่ำลงก็ตาม

หนังสือเล่มนี้เป็นภาคสุดท้ายของงานชุด "ไตรภาคว่าด้วยทักษิโณมิคส์และระบอบทักษิณ" ต่อจาก "แกะรอยทักษิโณมิคส์" (สิงหาคม 2547) และ "การเมืองเชิงบูรณาการ" (ตุลาคม 2547) ซึ่งอาจารย์สุวินัยระดมองค์ความรู้ทั้งหมดที่ได้ศึกษาและฝึกฝนมาเกือบทั้งชีวิต กลั่นกรองออกมาเป็นหนังสือสามเล่มนี้ อาจารย์ปกป้อง จันวิทย์ เพื่อนร่วมสำนักท่าพระจันทร์ แสดงทัศนะไว้ว่า "น่าสนใจที่ทางออกของการเมืองไทยยุค "หลัง" ทักษิณ ในความเห็นของอาจารย์สุวินัย คือการหันกลับมาพัฒนาตัวคนที่ขั้นรากฐาน ซึ่งมิได้มีความหมายผิวเผินเพียงแค่การให้ความรู้ เพิ่มความสามารถในการใช้เหตุใช้ผล และยกระดับสติปัญญาเท่านั้น หากเป็นการพัฒนาถึงระดับจิตวิญญาณ ให้คนมีศักยภาพในการเข้าถึงความจริง ความดี และความงาม ในระดับจริงแท้ที่สุดให้ได้"

การเมืองเชิงบูรณาการ: ภูมิปัญญาเพื่อการข้ามพ้นระบอบทักษิณ งานเขียนไตรภาคชุดนี้ เป็นงานปูพื้นฐานทางความคิดที่จะกลายเป็นพลังทางการเมืองและสังคมในภายภาคหน้า เพื่อสร้างสรรค์สังคมการเมืองและเศรษฐกิจที่สามารถพัฒนาได้ยั่งยืนอย่างแท้ จริง มิใช่อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งในการนี้มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้เขียนจะต้องทำลาย "มายาของระบอบทักษิณและทักษิโณมิคส์" ในมิติทางความคิดให้ได้ก่อน เหมือนกับที่ผู้เขียนเคยทำลาย "มายาของเศรษฐกิจฟองสบู่" ในมิติทางความคิดมาเมื่อสิบปีก่อน

นักรบแห่งธรรม กับการสร้างพรรคการเมืองใหม่ ของพันธมิตรประชนชนเพื่อประชาธิปไตย ข้อเขียนชุดนี้ของผมเป็นการเขียนเพื่อรำลึกถึงพี่น้องพันธมิตรฯ จากแง่มุมต่างๆ เพื่อให้เรื่องราว และคุณูปการของพี่น้องพันธมิตรฯ ยังคงได้รับการเล่าขานสืบต่อไปตราบนานเท่านาน อีกทั้ง ผมยังขอเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งหลายให้ช่วยกัน “แบ่งปัน” และ “บอกต่อ” เรื่องราวและประสบการณ์ของพี่น้องพันธมิตรฯ ในห้วงยามนั้น โดยใช้ข้อเขียนชุดนี้เป็นสื่อกลาง ผมหวังว่า “พวกเรา” จะได้พบสิ่งดีๆ และกำลังใจในชีวิตจากการ “แบ่งปัน” และ “บอกต่อ” ร่วมกันในครั้งนี้

 คำสอนสำหรับยอดคน" เป็นคำสอนที่ไม่ได้ถูกครอบงำด้วยแรงจูงใจจากความกลัวหรือความคาดหวังที่จะได้รับสิ่งตอบแทน ทั้งจากโลกนี้หรือโลกหน้า คำสอนชนิดนี้จึงไม่จำเป็นต้อง "เอาใจ"คนส่วนใหญ่ ให้มาศรัทธา อุ้มชู บริจาค คำสอนนี้จึงเป็นคำสอนสำหรับคนส่วนน้อยที่ต้องการเป็น "ผู้บรรลุ"ต้องการเป็น"มหาบุรุษ"เป็น"อริยบุคคล"โดยเฉพาะ

เศรษฐกิจไทยยังไมได้เผชิญกับ'ภาวะถดถอยแบบเชิงซ้อน' เหมือนกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ แต่ผมคาดว่าภายใน 10-15 ปีข้างหน้านี่ เศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับมันอย่างแน่นอน ถ้าหากทิสทางของเสรษฐกิจฟองสบู่ไทยยังเป็นเช่นนี้อยู่และเป็นที่แน่นอนว่า ชะตากรรมของ 'แมลงเม่าไทย' ทั้งหลายจะต้องน่าอเนจอนาถมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้อย่างเทียบกันไม่ได้เลย ท่านผู้อ่านที่มีสติปัญญา คงจะจับสิ่งที่ผมต้องการนำเสนอในหนังสือเล่มนี้ของผมได้ว่า ในด้านหนึ่ง ผมต้องการนำเสนอบทวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับ 'เศรษฐกิจฟองสบู่' ในฐานะที่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของสังคมทุนนิยมไทย ที่มีผลสะเทือนต่อสังคมไทยอย่างลึกซึ้งยิ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่ง ผมต้องการเตือนให้เห็นถึงภัยของมันโดยเฉพาะภัยที่มีต่อการทำลาย 'บุคลิกภาพ' ของชนชั้นกลางไทย ดังตัวอย่างรูปธรรมของคนรอบข้างตัวผม ที่ผมได้ยกตัวอย่างมาเป็นอุทาหรณ์ในหนังสือเล่มนี้ ในความเข้าใจของผม 'เศรษฐกิจฟองสบู่' เป็นปรากฏการณ์ที่ทดสอบ ความเข้มแข็งของจิตใจและความแหลมคมทางสติปัญญาของคนไทยโดยแท้!! เพราะ'ศัตรู' ที่แท้จริงของเรานั้น มิใช่ใครอื่น หากคือ ความโลภและความหลง (อวิชชา) ที่แฝงเร้นอยู่ภายในจิตใจของเรานั่นเอง

แกะรอยทักษิโณมิคส์กับความจำเป็นของทางเลือกที่สาม 'ความจริง' ที่เราเคยเชื่อ 'อำนาจ' ที่เราเคยยอมรับ 'ประเพณีหรือธรรมเนียมปฏิบัติ' ที่เราคุ้นเคยนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นหรือกำหนดขึ้นมาภายหลังโดยอำนาจและเทคโนโลยีของอำนาจทั้งสิ้น ถึงที่สุดแล้ว ระบอบทักษิณอย่างมากก็กำลังยัดเยียด 'ความจริงชุดใหม่' 'อำนาจชุดใหม่' และ 'ธรรมเนียมปฏิบัติชุดใหม่' มาให้กับเหล่าสมาชิกในรัฐไทยเท่านั้น

 ถ้ามีหนังสือ "มวยจีนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า" (สำนักพิมพ์ยินหยาง พ.ส. 2533) ของผมเป็น "หยาง" คือ เป็นความหวัง เป็นแสงสว่าง เป็นความสดใส เป็นพลังแห่งชีวิต ที่ผมต้องการจะถ่ายทอดออกมา นิยายเรื่อง "ความรักกับจอมยุทธิ์" เล่มนี้ของผม ก็คงเป็น"หยิน" คือเป็นความรันทด ความผิดหวัง ความเจ็บช้ำ ความปวดร้าวของชีวิต ที่ผมก็ต้องการจะถ่ายทอดออกมาเช่นกันด้วย เพราะมีบางครั้งที่คนเราสามารถเข้าถึงแก่นแท้สารัตถะของชีวิตได้ง่ายกว่า หากได้สัมผัสกับด้าน "หยิน" ที่ผมคิดว่ามีอยู่ในตัวของพวกเราทุกคน แต่ถ้าหากจะกล่าวถึงความต่อเนื่องของเนื้อหาวิชาความรู้เกี่ยวกับมวยจีนแล้ว สาระต่างๆเกี่ยวกับมวยจีนที่ผมนำมาเขียนและถ่ายทอดไว้ในนิยายเล่มนี้ ก็คงจะช่วยสานต่อความรู้เกี่ยวกับมวยจีนในหนังสือ "มวยจีนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า" ของผมให้แจ่มชัดยิ่งขึ้น สำหรับผู้อ่านที่สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเหตุหรือแรงจูงใจประการหนึ่งที่ทำให้ผมเขียนนิยายเรื่องนี้ออกมา ก็เนื่องจากผมได้รับจ.ม. การติดต่อทางโทรศัพท์ และการเข้ามาพบโดยตรงจากผู้อ่าน"มวยจีนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า"หลายท่านซึ่งล้วนแต่ให้กำลังใจหรือแสดงความชื่นชมต่อหนังสือเล่มนั้นของผม ผมจึงหวังให้หนังสือ "ความรักจอมยุทธิ์" เล่มนี้จะเป็นความปรารถนาดีเล็กๆน้อยๆที่ผมขอกำนัลมอบคืนให้แก่น้ำใจที่แสนอบอุ่นของผู้อ่านเหล่านั้น

 สิ่งที่ผมต้องการจะให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ ก็คือการยกระดับคุณภาพชีวิต (ทางร่างกายและจิตใจ) ของ"คน" ไทย "คน" ในฐานะที่เป็นองค์ประธานทางเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยพยายามที่จะลงทุนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เหล่านี้ในทางวัตถุให้น้อยที่สุด และก่อให้เกิดคุณค่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยการปลุกให้ตื่นจากภายใน และการปฏิบัติชอบ เพราะฉะนั้น "คน" ที่เป็นเป้าของผมในการค้นคว้าของหนังสือเล่มนี้ จึงลุ่มลึกกว่า "คน" ในวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาคโดยทั่วไป ผมพยายามเข้าไปให้ถึง "ชีวิตภายใน" ของพวกเขาเหล่านี้และพยายามปลุกเร้า อัดฉีดพลังใส่เข้าไปด้วยหวังว่าพวกเขาเหล่านี้จะกลายเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพที่สามารถจะทำประโยชน์ให้แก่สังคม มนุษยชาติและแก่ตนเองสืบไปได้ และหวังว่าพวกเขาจะกลายมาเป็น "ตัวเอก" ในการแบกรับการพัฒนาระบบการบริหารธุรกิจแบบไทยที่เป็นแบบพุทธธรรม ที่ผมเคยนำเสนอต่อไปได้

หนังสือเล่มนี้ คือหนังสือเล่มล่าสุดของผู้เขียนที่เกี่ยวกับวิถีแห่งกลยุทธ์เชิงบูรณาการ ซึ่งได้เขียนออกมาแล้วก่อนหน้านี้ 3 เล่มด้วยกันคือ “ภูมิปัญญามูซาชิ” “เซนอย่างมูซาชิ” และ “36 เพลงดาบสยบมาร” หากรวม “วิถีแห่งฟ้าของนักกลยุทธ์” เล่มนี้เข้าไปด้วย ก็จะเป็นหนังสือชุด 4 เล่มของผู้เขียนที่เปรียบเสมือน 'คัมภีร์ห้าห่วง' ของผู้เขียน ที่ถ่ายทอดการต่อสู้แสวงหา และวิถีแห่งความเป็นนักกลยุทธ์ของผู้เขียนเอาไว้อย่างสมบูรณ์ เพื่อมอบเป็นบรรณาการให้แก่อนุชนคนรุ่นหลัง หนังสือชุด 4 เล่มนี้ของผู้เขียน มิได้เขียนขึ้นจากหอคอยงาช้าง แต่มันถูกเขียนขึ้นมาท่ามกลางการสัประยุทธ์ครั้งสำคัญที่ผู้เขียนได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งมีอนาคตของประเทศนี้เป็นเดิมพัน อย่างไรก็ดี ผู้เขียนหวังว่า งานเขียนชุดนี้ของผู้เขียนจะมีคุณค่ายาวนานเกินกว่าเป็นแค่บันทึกหน้าหนึ่งของผู้ชายคนหนึ่งในกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์ ส่วนจะเป็นเช่นนั้นได้หรือไม่นั้น ขอท่านผู้อ่านจงเป็นผู้ตัดสินเอาเองเถิด

ภาคต่อของมูซาชิฉบับท่าพระจันทร์ ที่รอคอยมานานถึง 10 ปีโดยเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะบอกถึงพัฒนาการ ด้านในของมูซาชิว่าเขามีการพัฒนาจนบรรลุสภาวะจิต ระดับนั้นได้อย่างไร และเราจะสามารถเข้าใจสภาวะจิตที่มูซาชิบรรลุถึงแล้วจากแง่มุมขององค์ความรู้แบบ บูรณาการรวมทั้งใคร่ครวญถึงความหมายแห่งวิถีของ มูซาชิในบริบทของ ภูมิปัญญาบูรณาการ...สำนักพิมพ์ open books

จัดเป็นภาคต่อจากเซนอย่างมูซาชิที่ยังคงนำเสนอวิถีแห่ง กลยุทธ์เชิงบูรณาการโดยเล่มนี้นับเป็นภาคปฏิบัติการสนามรบในการใช้ดาบแห่งกลยุทธ์วิพากษ์วิถีและโลกทัศน์ของนายกทักษิณอย่างเข้มข้นแทบทุกมิติทุกแง่มุมของ องค์ความรู้อย่างสุดขอบแดนจักรวาฬกลั่นกรองเป็น เกล็ดเพชรแห่งภูมิปัญญา ขึ้นรูปเป็น “ดาบคลุมฟ้า”... สำนักพิมพ์ open books

คือภาคต่อของภูมิปัญญามูซาชิวิถีแห่งกลยุทธ์เชิงบูรณา การในหนังสือเล่มนี้เริ่มต้นด้วยการบอกเล่าภูมิปัญญา โบราณของปรมาจารย์มูซาชิก่อนเชื่อมต่อสู่โลกยุคใหม่ ด้วยการตีแผ่วิถีชีวิตของนักกลยุทธ์ผ่านตัวละครสำคัญทั้งจากนวนิยายกำลังภายในจีนไปจนถึงเจไดในภาพยนตร์ สงครามอวกาศทั้งภาครบและภาครักสอดประสานเป็น หนึ่ง เชื่อมอดีตเข้ากับปัจจุบัน... สำนักพิมพ์ open books

นำเสนอระบบความคิดการเอาธรรมนำหน้า อันเป็นแก่นความคิดของขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แบ่งออกเป็น 3 ภาคได้แก่ ภาคแรก เป็นภาควิถีจอมคน 2 แบบ คือ วิถีจอมคนพิชิตแผ่นดินกับวิถีจอมคนเหนือโลก ซึ่งเป็นวิถีโพธิสัตว์เหมือนกันแต่ต่างจริต ภาคสอง ว่าด้วยจอมคนเทียนแห่งธรรมที่กล่าวถึงการฝึกตนเพื่อเป็นโพธิสัตว์ โดยอิงจากคุรุผู้เป็นโพธิสัตว์ที่มีตัวตนจริงอยู่ในปัจจุบัน และภาคสาม ว่าด้วยการวิเคราะห์ทุนนิยมสามานย์ในประเทศไทยกับภารกิจทางประวัติศาสตร์ของขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มองจากโลกทัศน์แบบบูรณาการ

บันทึกประวัติศาสตร์ร่วมสมัยในเหตุการณ์การลุกขึ้นมาต่อสู้กับระบอบทักษิณของภาคประชาชนในช่วงเดือนกันยายน 2548 ถึงกันยายน 2549 ซึ่งตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในคอลัมน์ “มองอย่างบูรณาการ” ทางหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

ถ้าหากมูซาชิฉบับท่าพระจันทร์ถือว่าเป็นภาคโลกียะของความเป็นนักกลยุทธ์ของตัวผู้เขียน หนังสือพุทธทาสฉบับท่าพระจันทร์ เล่มนี้ก็คงถือได้ว่าเป็นภาคโลกุตตระแห่งความเป็นนักกลยุทธ์ หรือเป็น ‘วิถีแห่งฟ้าของนักกลยุทธ์’ ของตัวผู้เขียนก็เห็นจะไม่ผิดนัก

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้