การชำระอดีต
เมื่อสักครู่บาทหลวงฟิลิปกล่าวคล้ายเป็นปริศนาว่าภูมิปัญญาอันที่ห้าและหกน่าจะมีความสัมพันธ์กันแต่เมื่อสันติชาติลองทบทวนจากภูมิปัญญาข้อแรกจึงพบว่าที่จริงแล้วภูมิปัญญาทุกๆข้อนั้นต่างก็มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ส่งผลกระทบต่อกันเป็นทอดๆทั้งสิ้น
"มีอุปสรรคอะไรที่จะต้องข้ามพ้นให้ได้ก่อนที่จะสามารถรับพลังจักรวาลครับ" เขาถามบาทหลวงฟิลิป
บาทหลวงฟิลิปตอบว่า
"แต่ละคนจะต้องพิจารณาทบทวนตัวเองว่าตัวเองได้เล่นละครเป็นตัวอะไรในวัยเด็กในส่วนที่เกี่ยวกับการแย่งชิงพลังครับ"
"ผมยังไม่ค่อยเข้าใจดีนักครับ" สันติชาติบอกความในใจออกไป
บาทหลวงฟิลิปกล่าวอธิบายต่อไปว่า
"พูดง่ายๆก็คือตอนที่คุณอยู่ในวัยเด็กกับครอบครัวของคุณนั้นสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวของคุณต่างเล่นละครตามบทของตนเพื่อดูดพลังจากเด็กทั้งสิ้นพอคุณเข้าใจความจริงในเรื่องนี้แล้วคุณก็ต้องหาทางดึงพลังนั้นกลับมาให้ได้... ว่าแต่ว่าคณพ่อของคุณเป็นคนยังไงครับ"
"ท่านก็เป็นคนดีที่รักสนุกครับทำงานก็คล่องแคล่วแต่..." สันติชาติกล่าวแล้วหยุดชะงักไว้
"แต่อะไรครับ" บาทหลวงฟิลิปเปลี่ยนเป็นฝ่ายถามบ้าง
"ท่านมักจะหาเรื่องวิจารณ์หรือติโน่นตินี่ผมอยู่ตลอดเวลาครับท่านชอบตั้งคำถามให้ผมตอบแล้วหาข้อผิดพลาดจากคำตอบของผมครับ" สันติชาติกล่าวด้วยเสียงอันเบานี่เป็นอดีตที่เขาเองก็ไม่ได้นึกถึงมานานแล้ว
บาทหลวงฟิลิปถามสันติชาติต่อว่า
"แล้วตอนนั้นพลังของคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ"
สันติชาติถอนใจแล้วกล่าวว่า
"ผมรู้สึกเหนื่อยล้าครับจึงพยายามที่จะไม่พูดคุยกับท่าน"
บาทหลวงฟิลิปยิ้มแล้วกล่าวว่า
"แสดงว่าคุณพ่อของคุณเล่นบทผู้ซักฟอกโดยคุณเอาแต่คอยหลีกเลี่ยงใช่มั้ยครับการเป็นผู้ซักฟอกก็เป็นละครการครอบงำคนอื่นอีกประเภทหนึ่งที่ใช้การตั้งคำถามของตนเองเข้าไปแทรกแซงในโลกและชีวิตของคนอื่นหากคุณถูกดึงเข้าไปเล่นในละครนี้เอาแต่คอยระแวงระวังตั้งรับพลังของคุณก็จะถูกดูดออกไป.. ในชีวิตจริงคนที่เล่นบทผู้ซักฟอกมีเยอะไปครับไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูรอบๆตัวคุณซิครับ"
สันติชาติพยักหน้ารับจากนั้นเขาถามต่อไปว่า
"ปัญญาโบราณอันที่หกได้จำแนกละครการครอบงำคนอื่นออกเป็นกี่ประเภทครับ"
บาทหลวงฟิลิปตอบว่า
"แบ่งออกเป็นสี่ประเภทครับคือผู้ขู่เข็ญบังคับผู้ซักฟอกผู้ยืนดูเฉยๆและผู้รับเคราะห์ครับผู้ขู่เข็ญบังคับคือผู้ที่สูญเสียพลังจากการถูกครอบงำนั้นผู้ยืนดูเฉยๆคือผู้ที่พยายามตั้งรับให้สูญเสียพลังให้น้อยที่สุด"
สันติชาติพยักหน้าตามอย่างไม่หยุดยั้งพลางกล่าวว่า
"ถ้าเช่นนั้นผมก็เล่นบทผู้ยืนดูเฉยๆในขณะที่พ่อของผมเล่นบทผู้ซักฟอกน่ะสิครับ"
บาทหลวงฟิลิปกล่าวต่อว่า
"ถูกแล้วครับผู้ซักฟอกเป็นผู้สร้างผู้ยืนดูเฉยๆและผู้ขู่เข็ญบังคับก็เป็นผู้สร้างให้เกิดผู้รับเคราะห์ครับและในทางกลับกันผู้ที่เล่นบทผู้ยืนดูเฉยๆก็เป็นผู้สร้างผู้ซักฟอกด้วยเช่นกัน"
นักวิชาการหนุ่มจากประเทศไทยถามต่อไปว่า
"ในกรณีที่ผู้ขู่เข็ญบังคับไม่สามารถสร้างผู้รับเคราะห์ขึ้นมาได้อย่างราบรื่นล่ะครับอะไรจะเกิดขึ้น"
"ก็จะเกิดผู้ขู่เข็ญบังคับอีกคนขึ้นมานะซิครับจำภาพยนตร์เรื่อง Dead Poet Society ได้มั้ยครับพ่อของนักเรียนในเรื่องที่ตอนหลังฆ่าตัวตายนั้นก็คือผู้ขู่เข็ญบังคับส่วนตัวนักเรียนที่ฆ่าตัวตายคือผู้รับเคราะห์ครับ"” บาทหลวงฟิลิปตอบ
"ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ" โปรเฟสเซอร์หนุ่มถาม
บาทหลวงฟิลิปชี้มือไปที่สันติชาติแล้วกล่าวว่า
"คุณต้องชำระอดีตของตัวคุณก่อนครับว่าละครการครอบงำที่พ่อแม่คุณแสดงกับคุณนั้นเป็นอย่างไร"
สันติชาตินิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงกล่าวว่า
"ท่านเป็นผู้ซักฟอกทั้งคู่ครับจึงทำให้ผมโตขึ้นมาเป็นผู้ยืนดูเฉยๆ"
บาทหลวงฟิลิปยิ้มพลางกล่าวว่า
"ดีครับต่อจากนั้นคุณต้องค้นหาเหตุผลที่แท้จริงให้ได้ว่าทำไมคุณถึงต้องเกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่คู่นี้เพื่อการพัฒนาทางจิตวิญญาณของคุณในแง่ใดเพราะชีวิตทางจิตวิญญาณของคุณในแต่ละชาตินั้นมันเป็นกระบวนการที่ยาวนานมากและสืบเนื่องกันคุณต้องหาความหมายทางจิตวิญญาณในชาตินี้ของคุณให้พบ"
สันติชาติยังคงอยู่ในห้วงความคิดคำนึงของวัยเด็กเขากล่าวต่อไปว่า
"แม่ผมท่านเป็นคนเคร่งศาสนาผมจึงได้เรียนรู้ปัญหาของจิตวิญญาณจากท่านส่วนพ่อผมเป็นคนรักสนุกผมจึงได้เรียนรู้ว่าชีวิตคือการผจญภัยกับสิ่งท้าทายจากท่านครับ.. อ้อหากพ่อของเราเป็นคนเกียจคร้านหรือเป็นคนโกงล่ะครับเราจะเรียนรู้อะไรได้ในเชิงจิตวิญญาณล่ะครับ"
บาทหลวงฟิลิปหัวเราะในความช่างซักถามของโปรเฟสเซอร์หนุ่มผู้นี้เป็นยิ่งนักพลางกล่าวว่า
“
"เราก็เรียนรู้ได้ในเชิงบทเรียนทางด้านกลับไงครับยกตัวอย่างเช่นหากท่านเป็นคนเกียจคร้านคุณก็จะได้เรียนรู้ความสำคัญของความมีวิริยะอุตสาหะหรือหากท่านเป็นคนคดโกงคุณก็จะได้เรียนรู้คุณค่าของความซื่อสัตย์ที่มีต่อการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณของคุณในชาตินี้ครับ"
"พูดตรงๆก็คือไม่มีอะไรเลยที่เราเรียนรู้ไม่ได้ในทางจิตวิญญาณและการที่คนเราเกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่คู่ใดก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างเด็ดขาดแต่คุณจะต้องหาความหมายของการเกิดมาเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ของคุณในชาตินี้ให้พบให้จงได้เมื่อพบแล้วคุณถึงจะสามารถเรียนรู้วิธีรับพลังจักรวาลได้อย่างราบรื่นเพราะคุณได้ชำระอดีตของคุณแล้วครับ"
"แต่การจะชำระอดีตของตนเองได้คงต้องใช้เวลานานพอสมควรในการเรียนรู้และเข้าใจตนเองนะครับ" สันติชาติกล่าวเป็นเชิงขอความเห็น
บาทหลวงฟิลิปผงกศรีษะรับแล้วกล่าวว่า
"ใช่ครับก่อนอื่นคนเราต้องให้เวลากับตัวเองในการเรียนรู้หัวใจและจิตวิญญาณของตัวเองครับ"