จิตสำนึกแห่งทางเลือกในยุคทักษิณครองเมือง (21)
21. ภารกิจทางประวัติศาสตร์ของผู้วิพากษ์  และของวิญญูชนผู้รักความเป็นธรรม
โดยหลักแล้ว ข้อเขียนชุดนี้คือ  ข้อเขียนเชิงทฤษฎีวิพากษ์ระบอบทักษิณาธิปไตยด้วยองค์ความรู้เชิงบูรณาการ  ที่ไม่เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็น ภยันตรายของประเทศ และ ภยันตรายของสถาบันหลักๆ  ในสังคมภายใต้การครอบงำของทักษิณาธิปไตย จากแง่มุมต่างๆ เท่านั้น  ข้อเขียนชุดนี้ยังมุ่งที่จะนำเสนอ  แนวทางที่สามารถช่วยให้พวกเราข้ามพ้นเงื่อนไขการครอบงำเหล่านี้ ในมิติต่างๆ ด้วย  เพื่อปลดปล่อยพวกเราให้เป็นอิสระอย่างแท้จริง
สิ่งที่ทักษิโณมิกส์ก็ดี  ระบอบทักษิณก็ดี อำนาจนิยมแบบทักษิณาธิปไตยก็ดี  รวมทั้งภาวะผู้นำที่ขาดวุฒิภาวะของคุณทักษิณก็ดี สมควรจะถูกวิพากษ์มากที่สุดก็คือ  "โลกทัศน์" ของเขาและของเหล่าบริวารที่เกาะ "อำนาจเบ็ดเสร็จ"  ของเขามาแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว
โลกทัศน์  หรือทัศนะที่มีต่อโลกแห่งชีวิตจริงเป็นประเด็นของความหมายและการสื่อสาร  ซึ่งผู้วิพากษ์จะต้องเชี่ยวชาญในการตีความ การอ่านความหมายจากปรากฏการณ์ทางสังคม  และทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้น โดยมีมุมมองที่กว้างไกลและลุ่มลึกควบคู่กันไป  ซึ่งหมายความว่า  ตัวผู้วิพากษ์เองจะต้องมีความลึกซึ้งในการอ่านความหมายที่สัมพันธ์กับโลกภายใน  หรือโลกแห่งจิตใจ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องให้ความสนใจกับประเด็นภาษา  และการสื่อสารอย่างสัมพันธ์กับโครงสร้างสังคม  และโครงสร้างอำนาจด้วย
ทั้งนี้ก็เพราะว่า ประชาชนคนทั่วไปได้ให้ "ความหมาย"  กับสิ่งแวดล้อมของพวกเขา ซึ่งในกรณีของงานเขียนชุดนี้ก็คือ  ภาพลักษณ์อันหลอกลวงของรัฐบาลชุดนี้  คนเราเมื่อให้ความหมายในเชิงบวกหรือเชิงลบต่อสิ่งใด  ก็จะเคลื่อนไหวกระทำก่อปฏิบัติการไปตามการให้ความหมายในเชิงบวกหรือเชิงลบนั้นๆ  เสมอ
หากประชาชน "ลุ่มหลง" (ให้ความหมายในเชิงบวก) กับลัทธิบริโภคนิยม  และแนวทางประชานิยมที่ "ล่อลวง" ของรัฐบาล ผู้วิพากษ์ ก็จำเป็นต้องชี้ให้เห็นว่า  การตีความและการให้ความหมายอย่างมีอวิชชาอย่างหลงผิดของประชาชนที่ถูกชักจูงให้หลงเชื่อโดย  "ผู้นำ" ของพวกเขานั้น มันมีประเด็นแฝงเร้น เช่น ผลประโยชน์ทับซ้อน  เอาเงินในอนาคตมาผลาญ ก่อภัยวิกฤตเศรษฐกิจ  ทำลายระบบคุณค่าและคุณธรรมในระยะยาวเหล่านี้เป็นต้นอย่างไรบ้าง
ไม่แต่เท่านั้น  ผู้วิพากษ์ ยังจำเป็นที่จะต้องชี้ และเปิดโปงให้เห็นถึง  โลกทัศน์อันบิดเบี้ยวด้านเดียวที่เห็นเงินเป็นพระเจ้า  เห็นอำนาจเป็นใหญ่อย่างลืมตนของ "ผู้นำ" ของพวกเขา  รวมทั้งเปิดเผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของทักษิณาธิปไตยที่กำลัง "ทำลาย"  รากฐานของชาติบ้านเมืองนี้ด้วยความลุแก่อำนาจของตน  และพวกพ้องอย่างไรบ้าง
การปลดปล่อยโลกทัศน์ของประชาชนจำนวนมาก  ซึ่งจะนำไปสู่การล่มสลายของระบอบทักษิณาธิปไตยแค่ชั่วข้ามคืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้สามารถเอาชนะข้อจำกัดเชิงโลกทัศน์ของพวกเขา  ที่เป็นผลมาจากการตีความการให้ความหมายที่ผิดพลาดในอดีต  และผลมาจากการสื่อสารที่ถูกบิดเบี้ยว  ถูกครอบงำโดยผู้มีอำนาจได้แล้วเท่านั้น
การปลดปล่อยโลกทัศน์ของประชาชนจำนวนมาก  จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ การกระทำ หรือ ปฏิบัติการ ของพวกเขาในมิติต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น
(1) ปฏิบัติการที่เป็นเครื่องมือ ที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก  (instrumental action)
(2) ปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์  ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
(3)  ปฏิบัติการเพื่อการสื่อสาร ที่มุ่งให้เกิดความเข้าใจและให้ความหมายในเรื่องหนึ่งๆ  (ในกรณีนี้คือระบอบทักษิณาธิปไตย) ได้ถูกประสานกับ  อารมณ์ความรู้สึกร่วมของปวงชนเป็นจำนวนมากพร้อมๆ กันเท่านั้น  หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ  เมื่อปฏิบัติการเหล่านี้ได้ถูกบูรณาการหลอมรวมเชื่อมโยงกับ ความรู้สึกหลายๆ  แบบของความถูกต้องหรือความไม่ถูกต้องได้แล้วเท่านั้น  ยกตัวอย่างเช่น
ความรู้สึกว่า  ผู้มีอำนาจทำไม่ถูกต้องซึ่งเป็นความจริงเป็นเรื่องจริง  เป็นข้อเท็จจริงในโลกทางวัตถุ อย่างเช่นรัฐบาลได้ใช้  มาตรการอันไร้ความชอบธรรมหลายมาตรการ  เพื่อปิดปากสื่อมวลชนที่ไม่ยอมสยบอยู่ใต้มายาภาพอันจอมปลอมของทักษิณาธิปไตย
ความรู้สึกว่า  ผู้มีอำนาจทำไม่ถูกต้องทางศีลธรรมทางจริยธรรม ในโลกทางสังคม อย่างเช่น  ในเรื่องของคอร์รัปชัน
การปล้นชาติด้วยการเอารัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ  เพื่อให้พรรคพวกของตนที่เป็นทุนใหญ่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้
ความรู้สึกว่า  ผู้มีอำนาจทำไม่ถูกต้องในโลกภายใน เพราะขาดความจริงใจ ไม่รักษาสัจวาจา  พูดจาไม่น่าเชื่อถือ มุ่งแต่สร้างภาพปรุงแต่งอัตตาไปวันๆ  และขาดธรรมะของผู้กล้าภายในจิตใจ
เมื่อใดก็ตามที่ผู้วิพากษ์สามารถ  เปิดโปงอย่างบูรณาการ ทั้ง ความฉ้อฉลในเชิงสังคม  ที่ระบอบทักษิณได้กระทำต่อเพื่อนร่วมชาติของตนอย่างไร้มนุษยธรรมและขาดหิริโอตตัปปะ  ทั้ง ค่านิยมอันหลงผิดแบบ "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว" ของตัว "ผู้นำ"  แห่งระบอบทักษิณที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง  ไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นที่เห็นต่าง นิยมความรุนแรง  มีโทสะและความโลภเป็นเจ้าเรือนทั้ง ความหมายที่ส่อลางหายนะอันใกล้  ด้วยวิธีการนำและภาวะผู้นำที่บกพร่องผิดพลาดของเขาในการชี้นำประเทศได้
เมื่อนั้นโลกทัศน์ของประชาชนจำนวนมากที่ถูกปิดกั้นมาโดยตลอดจะเปิดออกและเปิดกว้างสู่  "ความจริง" ที่ถูกอำนาจรัฐปกปิดอย่างดื้อรั้น  พวกเขาจะให้ความหมายใหม่และตีความใหม่แก่ความจริงใหม่ที่พวกเขาเพิ่งได้รับรู้  ซึ่งจะผลักดันพวกเขาให้ลุกขึ้นมาก่อปฏิบัติการตามการให้ความหมายใหม่ของพวกเขานี้อย่างแน่นอน
วิญญูชนผู้รักความเป็นธรรม  ทั้งหลายในบ้านเมืองนี้คือ ผู้ที่หวงแหนในสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสาร  และกล้าแสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์ เชิงสร้างสรรค์ของตน โดยชอบธรรมคือ  ผู้ที่พร้อมจะแบ่งปันสติปัญญา และภูมิปัญญาของตนร่วมกับสมาชิกอื่นในสังคม  เพื่อร่วมกันพัฒนาสังคมของตนให้มีความเป็นประชาธิปไตยมีเสรีภาพ มีความเสมอภาคกัน  มากกว่านี้คือ  ผู้ที่ไม่อาจยอมรับความเป็นเผด็จการอำนาจนิยมที่ผู้มีอำนาจกระทำต่อประชาชนของตน  โดยใช้อำนาจรัฐต่างๆ ในกำมือของตนทุกวิถีทางในการกดขี่บีบบังคับ  ผู้ที่กล้าลุกขึ้นมาวิพากษ์ตนโดยชอบธรรมและไม่ขัดต่อกฎหมาย
ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศเราอีกช่วงหนึ่ง  อนาคตหลังจากนี้ไปของประเทศเราของลูกหลานเราของสถาบันหลักๆ ของประเทศเรา  มิได้อยู่ในกำมือของผู้มีอำนาจคนไหนหรอก  แต่มันจะอยู่ในกำมือของวิญญูชนผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลายในบ้านเมืองนี้  ไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพไหน อยู่ในสถานะทางสังคมเช่นไร ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน  และไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดว่า จะสามารถตีความให้ความหมายใหม่แก่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น  เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากการครอบงำของทักษิณาธิปไตยได้หรือไม่เท่านั้น