คำตอบของปฏิวัติประชาชน 2557
โดย ชวินทร์ ลีนะบรรจง และ สุวินัย ภรณวลัย
1 มกราคม 2557
ปฏิวัติประชาชน คำตอบมิใช่อยู่สายลม
ผ่านพ้นปีแห่งการริเริ่มปฏิรูป 2556 เข้าสู่ปีแห่งการปฏิวัติประชาชนอย่างแท้จริงในปี 2557 มีคำถามหลายประการที่หลายคนยังสับสน
คำตอบคงไม่ได้อยู่ที่สายลม แต่ก็คงไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งเหมือน 1+1 เป็น 2
พลังของสังคมที่แสดงออกผ่านการชุมนุมของ กปปส. ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าภาคประชาชนต้องการการปฏิรูปและการเลือกตั้งมิใช่คำ ตอบที่จะทำให้เกิดการปฏิรูปแต่อย่างใด
ในทางตรงกันข้าม ระบอบทักษิณที่ครองอำนาจรัฐหรือรัฐบาลระบอบทักษิณก็พยายามอย่างกระเสือก กระสนในการที่จะนำพาประชาชนไปสู่การเลือกตั้งเพื่อมาฟอกตัวล้างผิดเพื่อให้ ตนเองสามารถอยู่ในอำนาจต่อไป ส่วนการปฏิรูปนั้นเป็นเพียงข้ออ้างที่จะทำในลำดับต่อไปแต่จะทำหรือไม่อย่าง ไรล้วนไม่มีหลักประกันให้กับประชาชนที่ต้องการแต่อย่างใด
พลังของสังคมที่แสดงโดยกระแสธารของจำนวนคนน่าจะเป็นคำตอบว่าจะจบเมื่อไรและอย่างไร
ที่ผ่านมากระแสนี้ยังไม่อ่อนแรงแต่อย่างใด ภาพของการตอบสนองของมวลชนต่อการ “ปิดกรุงเทพฯ” ของกปปส.ครั้งล่าสุดเมื่อ 22 ธ.ค. 56 เป็นเครื่องยืนยัน เช่นเดียวกับการแสดงการขัดขืนต่อต้านการรับสมัคร ส.ส.ไม่ยอมรับการถูกบังคับให้ไปเลือกตั้งเพื่อฟอกผิดให้รัฐบาล หรือการล่มสลายของคนเสื้อแดงไม่สามารถจะถูกปลุกขึ้นมาเป็นเครื่องมือหรือฐาน มวลชนให้กับฝ่ายรัฐบาลอีกต่อไป
จำนวนและเจตจำนงที่แสดงออกร่วมกันจึงน่าจะเป็นคำตอบว่าเรื่องนี้จะจบ ลงอย่างไร จุดจบของเรื่องจึงถูกกำหนดไว้แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อใดเท่านั้นที่มักเป็นคำถาม มวลชนหลายล้านคนที่ออกมาแสดงเจตจำนงยังไม่พอเพียงที่จบทำให้ชนะปิดเกมอีก หรือ
คำตอบที่พอจะมองเห็นได้ก็คือ เพื่ออยู่ในอำนาจขณะนี้รัฐบาลของระบอบทักษิณเหลือทางรอดเพียงประตูเดียวคือ การบังคับให้คนไทยไปเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีเรื่องประหลาดผิดทำนองคลองธรรมปรากฏให้ เห็น การยุบสภาในขณะที่ปิดสภาฯ ไล่ ส.ส.ที่เป็นเสียงข้างมากของตนเองออกจากสภาฯ การข่มขู่ กกกต.ให้ดำเนินการเลือกตั้งให้ได้ทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการไปรับสมัครใน สถานีตำรวจหรือในค่ายทหาร ฯลฯ
แต่จะสำเร็จไปได้หรือในเมื่อประชาชนคือเจ้าของอธิปไตยเป็นผู้กำหนด เจตจำนงทางการเมือง หาใช่นักการเมืองหรือ กกต.แต่อย่างใดไม่ เขาเสนอแต่มวลชนไม่สนองจะสำเร็จไปได้อย่างไร
แม้อารยะขัดขืนของมวลชนเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่จุดจบของระบอบทักษิณและจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปก็ยังไม่สามารถเกิดขึ้น ได้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างมีนัยสำคัญก็เนื่องด้วยเราต่อสู้ด้วยอหิงสา มวลชนในเมืองอาจเป็นผู้ตื่นรู้แล้ว แต่มวลชนในพื้นที่ห่างไกลในชนบทยังไม่ตื่นรู้เท่าถึงความชั่วร้ายของระบอบ ทักษิณที่มีต่อประเทศไทยอันเนื่องมาจากการเข้าถึงและการถูกบิดเบือนซึ่งข่าว สารข้อมูล
ปฏิวัติประชาชนภาคสมบูรณ์จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ตื่นรู้ รับทราบถึงผลร้ายของระบอบทักษิณแล้ว คงไม่สามารถเร่งให้เร็วดังใจบางคนได้ หาไม่แล้ว “ส” สมบูรณ์ใน กปปส. ก็จะไม่เกิดขึ้น ปฏิวัติประชาชน 2556-7 ก็จะเสียของกลายเป็น 2475 การชิงสุกก่อนห่ามและอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้โดยง่ายหากสังคมรวบรัดตัด ด้วยความใจร้อนไม่แสวงหาจุดร่วมหรือละเลยการวิเคราะห์บริบทความเป็นจริงที่ มีอยู่ในสังคมให้ถ่องแท้ว่าสุกงอมแล้วหรือยัง
“ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป” จึงน่าจะเป็ยยุทธวิธีในขณะที่มวลชนใช้อารยะขัดขืนบดขยี้ระบอบทักษิณทำไป เรื่อยๆ อาจดูช้าแต่ไม่หยุด ชนะเมื่อใดก็เมื่อนั้น จะถามทำไมว่าเมื่อไร
จุดจบของระบอบทักษิณนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว อยู่แต่ว่าเวลาที่เหมาะสมที่จะมาถึงเพื่อปลิดผลไม้พิษและขุดถอนต้นไม้พิษนี้ ทิ้งไปจากสังคมไทยเสียที