ยิ่งลักษณ์จะอยู่รอ ป.ป.ช. ศาล หรือการเลือกตั้งไปทำไม อยู่ไปก็มิได้ทำประโยชน์อันใดให้ประเทศ ยิ่งลักษณ์หลังจากที่ยุบสภาก็อ้างว่าต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อส่งต่อ อำนาจให้กับรัฐบาลชุดใหม่ โดยคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ก็จะเป็นตัวเธออีกครั้งหนึ่ง แต่คนคำนวณจึงมิเท่าฟ้าลิขิต หนทางในการกลับเข้าสู่อำนาจด้วยอาศัยการเลือกตั้งนั้นกลับมิได้เป็นไปตามคาด ความปรารถนาของเธอและพี่ชายจึงไม่ได้รับการสนองตอบแต่อย่างใด ปัจจุบันยิ่งลักษณ์จึงมีสภาพเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนไปในที่ต่างๆ เพราะตาย(ทางการเมือง)แล้วไปเกิดใหม่(ทางการเมือง)ไม่ได้ ปัญหาเศรษฐกิจได้กลายเป็นปัญหาที่ยิ่งลักษณ์และรัฐบาลของระบอบทักษิณ ที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลตัวจริงมีอำนาจเต็มหรือไม่ก็ตาม ความวิบัติย่อยยับทางเศรษฐกิจที่กำลังก่อตัวขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จากการอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ของยิ่งลักษณ์ จำนำข้าวจึงเป็นเพียงภาวะ “ฝีแตก” ที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นประจักษ์ ขณะที่ยังมีฝีในท้องฝีในปอดรอวันแตกเป็นปัญหาอีกมากหลบซ่อนอยู่ ที่ไม่เห็นจึงใช่ว่าไม่มี สาเหตุหลักของปัญหาอยู่ที่ความหลงผิด ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึงซึ่งปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศไทยพบประสบอยู่นั่นเอง ตัวอย่างของโครงการจำนำข้าวที่นำมาซึ่งความวิบัติร้ายแรงต่อ อุตสาหกรรมข้าวของประเทศชี้ให้เห็นว่า การบิดเบือนกลไกตลาดด้วยการตั้งราคาจำนำสูงกว่าราคาที่ซื้อขายในท้องตลาดถึง กว่าร้อยละ 50 ที่ “ทักษิณคิด” นั้นคิดผิด ทำให้คนไทยต้องเสียเงินหลายแสนล้านให้รัฐบาลไปแย่งซื้อข้าวแทนที่พ่อค้า เพื่อเอาเข้ามาเก็บรอวันเน่าเสียไม่สามารถขายออกไปได้โดยไม่ขาดทุน ขณะที่ “เพื่อไทยทำ” นั้นก็ทำอย่างไร้สติไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากสมมติว่าต่อไปนี้ยอมยกประเทศให้ยิ่งลักษณ์บริหารเต็มตัว เธอ พี่ชายเธอ และคณะรัฐบาลจะสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เช่น จำนำข้าวนี้ได้หรือไม่ คำตอบคงชัดเจนอยู่แล้วว่า ทำไม่ได้ เหตุเพราะจะยังคงโครงการจำนำข้าวต่อไปได้อีกหรือโดยไม่เกิดความเสียหายกับ เศรษฐกิจประเทศอีกหลายแสนล้านบาทเช่นที่ผ่านมา ทำไมจึงต้องดิ้นรนไปกู้มาจ่ายค่าข้าวหากมีข้าวที่ยังไม่เน่าอยู่ในมือ? นอกจากนี้จะมีคนไทยสักกี่คนในขณะนี้ที่ยอมเป็นหนี้ไปถึงชั่วลูกหลาน ยินดีให้รัฐบาลในระบอบทักษิณกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทมาทำรถไฟความ “เลว” สูงเพียงเพื่อจะนำมาขนผักเพื่อที่จะได้หักหัวคิวเพราะโครงการนี้ลงทุน แพงกว่าขณะที่สร้างผล ประโยชน์ได้น้อยกว่าความเป็นจริง รถไฟทางคู่ต่างหากที่เป็นสิ่งจำเป็นได้ประโยชน์มากกว่าและใช้เงินลงทุนน้อยกว่า หรือจะมีคนไทยตั้งแต่นครสรรค์ลงมาจรดแม่กลองยินดียอมให้มีการจัดทำ โครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทที่ไม่รู้เลยว่าจะมีบ้านใครบ้างที่จะอยู่ในทางน้ำหลากหรือกลาย เป็นพื้นที่รับน้ำและยังไม่มีอะไรรับประกันอีกว่าทำไปแล้วน้ำจะไม่ท่วม เหมือนเช่นที่ผ่านมา คนที่อยุธยา ปทุม น่าจะถาม ส.ส.ในเขตตนเองบ้างว่าทำไปแล้วบ้านตนเองจะยังน้ำท่วมเหมือนเดิมหรือไม่ แค่คิดเล่นๆ เพียง 2-3 เรื่องข้างต้นก็ไปลำบากเสียแล้วหากจะให้ยิ่งลักษณ์เข้ามาบริหารงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง ทั้งหมดนี้จึงมาขมวดปมอยู่ที่การเมืองเป็นประเด็นสำคัญ เหตุก็เพราะการเมืองทำให้เกิดโครงการต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาเพียงเพื่อเป็นจุดขายและถอนทุนจากการซื้อเสียง ตะเกียกตะกายอาศัยการเลือกตั้งเพียงเพื่อเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อจะได้อนุมัติ โครงการก็เท่านั้นเอง การปฏิรูปการเมืองจึงเป็นคำสำคัญที่ต้องทำโดยปราศจากนักการเมืองและ ต้องทำก่อนเลือกตั้ง หาไม่แล้วเมื่อเลือกตั้งนักการเมืองได้อำนาจจะมีนักการเมืองคนไหนบ้างยอมลด อำนาจตนเองลง รูปข้างล่างบอกเรื่องราวที่มีมากกว่าตัวเลข มันแสดงถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศผ่านทาง อัตราการค้า หรือ Terms of Trade ที่ได้มาจากการเปรียบเทียบราคาโดยรวมสินค้าส่งออกกับสินค้านำเข้า โดยคำนวณให้อยู่ในรูปของเลขดัชนี (ร้อยละ) หากอยู่ในระดับมากกว่า 100 ก็แสดงว่าประเทศได้ประโยชน์เพราะราคาสินค้าที่ส่งออกไปขายมีมากกว่าราคา สินค้านำเข้าที่ไปซื้อมา และจะเป็นไปในทางกลับกันเมื่ออยู่ต่ำกว่าระดับ 100 |
|||
ส่วนต่างที่มากที่สุดของอัตราการค้าเกิดขึ้นก่อนที่ทักษิณจะเข้ามามี อำนาจคือระหว่างปี ค.ศ. 2000 -2001 ที่ลดลงจาก 107.37 มาเป็น 98.76 แต่หลังจากนั้นแล้วก็ลุ่มๆ ดอนๆ อยู่ในระดับใกล้เคียง 100 ไม่เคยเพิ่มขึ้นกลับไปสู่ระดับที่เคยเป็นคือ 107.37 แต่อย่างใด ในช่วง 10 ปีเศษที่ระบอบทักษิณอยู่ในอำนาจ นโยบายต่างๆ นานาที่อ้างว่าเป็นประโยชน์กับประเทศกลับถูกพิสูจน์แล้วว่ามิได้เป็นไปอย่าง ที่โอ้อวด สินค้าที่ประเทศขายออกไปไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้เหนือกว่ามูลค่าสินค้า ที่ซื้อเข้ามาอย่างเป็นชิ้นเป็นอันแต่อย่างใด นำเข้าสินค้ามา 100 บาทผลิต/แปรรูปแล้วส่งออกไปขายได้เพียง 100 บาทเศษเท่านั้น คงไม่ต้องบอกว่าประเทศไทยพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศทั้งในแง่เป็น แหล่งวัตถุดิบ เช่น น้ำมัน และตลาดส่งออกสินค้า/บริการ หากยังไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากพอก็แสดงว่าประเทศกำลังจะจนแต้มเพราะ ต้องส่งสินค้าจำนวนเท่าเดิมหรือมากขึ้นเพื่อรักษาดุลการค้าให้คงที่ คนไทยจึงต้องผลิตและส่งออกข้าวในจำนวนตันที่มากขึ้นเพื่อไปซื้อรถยนต์หรือ น้ำมันจากต่างประเทศเพราะราคานำเข้าในสินค้าดังกล่าวมันเพิ่มขึ้นเร็วกว่า ราคาข้าวที่ส่งออกไปขาย ยิ่งจะเปิดประเทศรับ AEC นั้นพร้อมจริงหรือ? สิ่งที่ทักษิณชอบมากที่สุดคืออำนาจผูกขาดโดยรัฐเพราะกำหนดราคาได้เอง ตามอำเภอใจ แต่จะมีผลเฉพาะภายในขอบเขตของรัฐ เมื่อต้องออกไปนอกเขตรัฐที่ต้องแข่งขันไม่สามารถผูกขาดโดยอำนาจรัฐได้ ทักษิณและระบอบของเขาจึงไร้ซึ่งความสามารถในการกำหนดราคา ตัวอย่างที่เห็นชัดก็คือ กำหนดราคาข้าวในประเทศให้สูงเท่าใดก็ได้เพราะผูกขาด “ซื้อทุกเมล็ด” จนเป็นผู้ซื้อรายเดียวแต่ก็สิ้นท่าไม่สามารถกำหนดราคาขายในต่างประเทศได้ ดังนั้น หากการเมืองทำงานตามหน้าที่ไม่ได้หมือนเช่นเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศให้เจริญโดยหวังให้เศรษฐกิจทำงานเดินหน้าโดยมีคนชั่วคนเลว เข้ามากุมบังเหียนอยู่ในอำนาจเพราะการเมืองไม่ทำงานก็ทำไม่ได้เช่นกัน การปฏิรูปก่อนเลือกตั้งจึงเป็นทางเลือกที่สนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมที่ทำให้ การเมืองสามารถกลับมาทำหน้าที่ที่ควรจะเป็นร่วมกับเศรษฐกิจได้ นั่นคือมีระบบที่นำคนดีเข้าไปเป็นตัวแทนตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของประเทศ รูปธรรมที่สำคัญของการปฏิรูปการเมืองจึงอยู่ที่การปฏิรูปการเข้าสู่ อำนาจนั่นคือกฎหมายหรือกติกาการเลือกตั้งเพื่อให้กลไกอื่นๆ เช่นเศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ คนไทยให้โอกาสและจำยอมทักษิณและพวกพ้องมานานมากพอแล้ว ไม่ว่า ป.ป.ช.หรือศาลรัฐธรรมนูญจะมีวินิจฉัยอย่างไรก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ว่าทักษิณและพวกคืออุปสรรคของประเทศไปได้ อย่าอยู่อีกเลย หมดเวลาและความชอบธรรมสำหรับพวกคุณแล้ว |