6. พลัง

6. พลัง



พลัง
      


สันติชาติตั้งคำถามต่อไปว่า "ปัญญาโบราณอันที่สามได้บอกอะไรบ้างครับ"


บาทหลวงฟิลิปตอบว่า


ความรับรู้ใหม่เกี่ยวกับโลกทางวัตถุจะทำให้มนุษย์ค้นพบพลังที่มองไม่เห็นหรือพลังภายในหรือพลังจักรวาล


"หมายถึงแควนตัมฟิสิกส์ใช่ไหมครับ"” สันติชาติเดา


บาทหลวงฟิลิปกล่าวต่อไปว่า



"ใช่แล้วครับหลักการทางแควนตัมที่เพิ่งค้นพบไม่กี่สิบปี่มานี้ทำให้เราได้รู้ความจริงว่ากลไกการทำงานของธรรมชาติในระดับที่ละเอียดที่สุดการเกิดขึ้นการดำรงอยู่และการแปรเปลี่ยนไปของสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกหรือดวงดาวเมื่อพิจารณาจุดที่ย่อยละเอียดที่สุดแล้วล้วนเป็นการทำงานด้วยกลไกแควนตัมทั้งสิ้นคุณยอมรับมั้ยละว่าอัลเบิร์ตไอน์สไตน์คืออัจฉริยะคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งแห่งศตวรรษนี้"”



"แน่นอนครับ"” สันติชาติกล่าวพร้อมพยักหน้า


บาทหลวงฟิลิปกล่าวต่ออย่างยืดยาวว่า


"เขาได้สรุปรวบยอดความรู้แห่งแควนตัมออกมาในปีค.ศ.1935 หรือเมื่อหกสิบปีก่อนว่ามนุษย์เราเป็นส่วนเล็กน้อยของความเป็นหนึ่งเดียวที่ยิ่งใหญ่ที่เรียกว่าจักรวาลส่วนเล็กน้อยที่ว่านี้ดำรงอยู่ในขอบเขตของรูปกายของสถานที่ของเวลาที่จำกัดยิ่งด้วยขอบเขตที่จำกัดดังกล่าวมนุษย์จึงยึดมั่นต่อความรู้ที่เขาได้มาจากประสบการณ์ที่จำกัดเช่นเดียวกันประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องเฉพาะตัวของเขาความคิดของเขาความต้องการและความรู้สึกของเขา


ทั้งหมดนี้เป็นเช่นการใส่แว่นลวงตาที่บดบังจิตวิญญาณมนุษย์จึงเบี่ยงเบนตัวเองแบ่งแยกตัวเองออกจากสิ่งต่างๆรอบตัวเขาและภาพลวงตานี้เองที่เป็นคุกตะรางจองจำมนุษย์เอาไว้บังคับให้มนุษย์อยู่กับกิเลสตัณหาเพื่อตัวเองหรือเพื่อคนเพียงไม่กี่คนที่สนิทชิดเชื้อเท่านั้นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ทุกคนจึงอยู่ที่การปลดปล่อยตัวเองออกจากที่คุมขังนี้"


"ครับ"” อาจารย์หนุ่มรับคำเพราะเห็นพ้องด้วย


"ไอน์สไตน์ยังบอกอีกว่าที่สุดของที่สุดของอนุภาคนั้นคือพลังหรือพลังงานมิหนำซ้ำพฤติกรรมของผู้สังเกตการณ์เกี่ยวกับอนุภาคอันนี้ยังสามารถมีผลสะเทือนต่อการเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของการเคลื่อนไหวของอนุภาคด้วยซึ่งนี่ก็หมายความว่าเจตนารมณ์ของมนุษย์นั้นสามารถโน้มน้าวพลังได้และพลังนี้จะไปส่งผลสะเทือนต่อโลกต่อวัตถุและพลังอื่นๆอีกทีหนึ่ง" บาทหลวงฟิลิปกล่าวเสริม


สันติชาติขบคิดเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า


"ก็แสดงว่าคำทำนายโบราณประการที่สามที่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกทัศน์เกี่ยวกับฟิสิกส์ก็ถูกต้องแล้วซิครับ"


บาทหลวงฟิลิปยิ้มแล้วกล่าวว่า


"แค่เปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับฟิสิกส์เท่านั้นยังไม่พอหรอกครับคำทำนายยังบอกอีกว่ามนุษย์คงจะยังค้นพบพลังจักรวาลได้ก่อนสิ้นศตวรรษนี้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ครับ”



ความจริงถึงไม่ต้องใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์คนเราก็สามารถสัมผัสพลังจักรวาลนี้ได้โดยการฝึกวิชาลมปราณของศาสตร์ตะวันออกไม่ใช่หรือครับ” โปรเฟสเซอร์จากประเทศไทยเสนอความนึกคิดของเขาบ้าง"


บาทหลวงฟิลิปถอนใจกล่าวว่า


"นั่นก็ใช่ครับแต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับวิธีการโบราณแบบตะวันออกนี้นี่ครับ"”


"แล้วจะค้นคว้ายังไงดีล่ะครับ"” สันติชาติถามต่อ


บาทหลวงฟิลิปแหงนหน้าเหม่อมองเพดานโบสถ์สักพักคล้ายกำลังใช้ความคิดจากนั้นจึงกล่าวว่า



"คงต้องเริ่มจากการค้นคว้าเกี่ยวกับแหล่งหรือที่มาของพลังนี้ซึ่งที่ค้นคว้าได้ง่ายหน่อยก็คงจะเป็นพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากป่าหรือต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุหลายสิบหรือหลายร้อยปีครับ"


"ถึงยังพิสูจน์วัดพลังนี้ในทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้แต่พวกเราทุกคนคงเคยมีประสบการณ์ไม่ใช่หรือครับที่เข้าไปใกล้ต้นไม้ต้นใหญ่ๆแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีนั่นแหละครับคือพลังที่พวกเราได้รับจากต้นไม้ใหญ่" สันติชาติอดแย้งไม่ได้



บาทหลวงฟิลิปถอนหายใจอีกครั้งหนึ่งพร้อมกล่าวว่า



"
แต่มนุษย์สมัยนี้กลับทำลายต้นไม้ใหญ่ในป่าจนเหลือน้อยลงทุกทีๆด้วยความละโมบทั้งๆที่ป่าเป็นต้นตอของพลังจักรวาลนอกเหนือไปจากดวงอาทิตย์แม่น้ำและทะเลตอนนี้ไม่ใช่แค่ป่าเท่านั้นที่ถูกทำร้ายทะเลและแม่น้ำที่เป็นแหล่งพลังอีกแหล่งหนึ่งก็แปดเปื้อนไปด้วยมลพิษสิ่งโสโครกที่เกิดจากเงื้อมมือมนุษย์



ส่วนดวงอาทิตย์ที่ให้พลังแก่เราเช่นกันก็กำลังถูกปิดกั้นโดยภาวะเรือนกระจกที่เกิดจากการเผาผลาญน้ำมันผมรู้สึกหดหู่จริงๆครับที่พวกมนุษย์กำลังทำลายแหล่งพลังของตัวเองด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาปัญญาโบราณอันที่สามยังได้บอกอีกว่าเมื่อไรก็ตามที่พวกเราได้สติแลเห็นถึงความงามของธรรมชาติอีกครั้งอย่างแท้จริงพวกเราจะเริ่มหันมาค้นคว้าแหล่งพลังนี้อย่างจริงจัง"


สันติชาติเองคล้ายถูกความหดหู่ของบาทหลวงระบาดใส่พลางถอนใจตามแล้วกล่าวว่า


"น่าเสียดายนะครับที่กลุ่มคนที่สนใจค้นคว้าและฝึกฝนปฏิบัติพลังนี้อย่างเอาจริงเอาจังยังเป็นแค่คนส่วนน้อยของสังคมเท่านั้น"


บาทหลวงฟิลิปพยักหน้าเห็นด้วยแล้วกล่าวสรุปว่า


"ตรงนี้แหละครับที่ทำให้ผมเป็นห่วงว่าความคิดที่ร้ายๆของคนส่วนใหญ่จะชักนำพลังไปในทิศทางที่ร้ายกาจรุนแรงต่อโลกวัตถุใบนี้ซึ่งเริ่มสำแดงอาการออกมาแล้วในรูปของภัยพิบัติทางธรรมชาติรูปแบบต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นถี่มากทั่วทุกมุมโลก"









 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้