(22) วิพากษ์วิธีคิดและความเชื่อของอภิสิทธิ์ในการแก้ไขปัญหา “กบฏ” เสื้อแดง (12/5/53)

(22) วิพากษ์วิธีคิดและความเชื่อของอภิสิทธิ์ในการแก้ไขปัญหา “กบฏ” เสื้อแดง (12/5/53)

วิพากษ์วิธีคิดและความเชื่อของอภิสิทธิ์ในการแก้ไขปัญหา “กบฏ” เสื้อแดง


รศ.ดร.ชวินทร์ ลีนะบรรจง , รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


อภิสิทธิ์ช่างซื่อต่อคนคด
แต่กลับคิดคดต่อคนไทย
อภิสิทธิ์ดีกับคนจัญไร
แต่ประชาไทยต้องช้ำใจเพราะตัวคุณ


ข้อเสนอเพื่อความปรองดองของนายกฯ อภิสิทธิ์เมื่อคืนวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาที่มีสาระสำคัญอยู่ที่ (1) เสนอให้มีการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ในช่วงกลางเดือนพ.ย. 53 และ (2) อาจมีการนิรโทษกรรมความผิดที่เกิดขึ้นโดยที่นายกฯ อภิสิทธิ์ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าวเพื่อคนกลุ่มใดกันแน่ ทำให้เกิดคำถามจากเจ้าของประเทศผู้เป็น “เจ้านาย” ของนายกฯ อภิสิทธิ์ในประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้

1. กลุ่มคนเสื้อแดงผู้มาชุมนุม เป็นการชุมนุมตามที่รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 ให้สิทธิเอาไว้ หรือว่าเป็นการก่อการร้ายเพื่อมุ่งหวังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง?

จากพฤติกรรมของอภิสิทธิ์ที่ได้แสดงออกมาในช่วงตั้งแต่มีการชุมนุมจนถึงการเสนอข้อเสนอเพื่อความปรองดอง น่าจะอนุมานได้ว่าอภิสิทธิ์ยังคงมี “ความเชื่อ” อยู่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเหล่านั้นมาชุมนุมตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้ไว้เพราะมิได้มีการปราบปรามแถมยังมีการเจรจาด้วย

อย่างไรก็ตาม “ความเชื่อ” ของอภิสิทธิ์ดังกล่าวข้างต้นดูจะไม่สอดคล้องกับ “ข้อเท็จจริง” ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นว่า กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมมีกองกำลังติดอาวุธให้การสนับสนุนอยู่ ดังนั้นจึงมิได้เป็นการชุมนุมตามสิทธิที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด มีลักษณะเป็นกบฏ หรือการก่อการร้ายอย่างชัดแจ้งเพราะมีการข่มขู่ว่าจะทำการร้าย มีการซ่องสุมกำลังและอาวุธ มีการยุยงให้ประชาชนเข้าร่วมมีส่วนในการก่อการร้าย หรือรู้ว่าจะมีการก่อการร้ายแต่ช่วยปกปิดการกระทำ

2. หากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ผ่านมาเป็นกบฏ หรือก่อการร้าย เพื่อมุ่งหวังเปลี่ยนแปลงการปกครอง แทนที่จะต้องปราบกบฏ ทำไมจึงต้องปรองดอง?

จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ อภิสิทธิ์มี “ความเชื่อ” ว่า ในกลุ่มคนเสื้อแดงผู้ที่ชุมนุมมีผู้บริสุทธิ์ร่วมอยู่ด้วย และเป็นการยากที่จะแยกแยะกลุ่มผู้บริสุทธิ์ออกมา

อภิสิทธิ์ยังมี “ความเชื่อ” อีกว่า การเจรจาดีกว่าการนำกำลังเข้าไปปราบเพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายโดยไม่จำเป็นและได้อาศัยเหตุเมื่อ 10 เมษายนที่ผ่านมาสรุปว่าเป็นจริงอย่างที่เชื่อ

ดังนั้น “แมวไม่ว่าจะสีอะไรขอให้จับหนูได้ก็เพียงพอแล้ว” การจะเจรจากับผู้ก่อการร้ายหรือกบฏในความเห็นของอภิสิทธิ์ก็เป็นเพียงความแตกต่างในสีของแมวเท่านั้น มิได้มีสาระสำคัญอันใดเลย

“ความเชื่อ” ของอภิสิทธิ์จึงขัดกับอำนาจหน้าที่และสัจวาจาที่ท่านเคยให้ไว้ว่าในวันที่เข้ารับตำแหน่งจะเข้ามาแก้ไขการเมืองที่ล้มเหลว

อภิสิทธิ์ในปัจจุบันจึงไม่แตกต่างไปจากนักการเมืองคนอื่นๆ หรือแม้แต่ทักษิณ แต่อย่างใด

การที่ประชาชนมอบอำนาจมหาชนให้ก็เพื่อที่จะปกปักรักษารัฐเอาไว้ให้ “มีขื่อมีแป” ที่เรียกว่านิติรัฐ หากมีผู้ละเมิดกฎหมายโดยชัดแจ้งแต่ไม่ดำเนินการรักษากฎหมายเอาไว้แล้วยังบอกให้ประชาชนอดทนต่อการกระทำที่ผิดกฎหมายจะถือได้ว่าปฏิบัติหน้าที่ที่อยู่ได้หรือ

การยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง เช่น การยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ก่อนครบวาระของกลุ่มคนเสื้อแดงหลังจากที่มีการใช้กำลังขู่เข็ญ จึงเป็นการยอมจำนนต่อกฎหมู่อย่างปฏิเสธได้ยากและจะเป็นตัวแบบที่ “เลว” ต่อไปในอนาคตให้คนกลุ่มอื่นๆสะสมกำลังและอาวุธเข้ามายื่นข้อเรียกร้องเพื่อให้รัฐปฏิบัติเช่นนี้อีก แล้วประชาชนที่เคารพกฎหมายจะไปพึ่งใคร จะต้องเคารพกฎหมายไปอีกทำไมในเมื่อรัฐบาลเองก็ไม่เคารพกฎหมายที่ตนเองมีหน้าที่ต้องบังคับใช้

เมื่อเมษายน 2552 ที่มีเหตุการณ์ก่อความไม่สงบเช่นเดียวกับปัจจุบันเกิดขึ้นทั้งที่กรุงเทพฯ และพัทยา อภิสิทธิ์สามารถใช้อำนาจมหาชนเข้าจัดการได้ น่าจะเป็นเพราะมีการกระทำต่อหน้าชาวต่างชาติจึงต้องมี “การอวดดี” ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์กับชาวโลก โดยมิได้สนใจว่าจะมีผู้บริสุทธิ์รวมอยู่ด้วยหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าจะไม่มีการสูญเสียชีวิต ทำไมจึงดำเนินการได้ ทำไมจึงรับการสูญเสียชีวิตที่อาจเกิดขึ้นได้ (โชคดีที่ไม่มี) แต่เมื่อเมษายน 2553 ไม่มีชาวต่างชาติ อภิสิทธิ์กลับอ้างผู้บริสุทธิ์ กลัวการสูญเสียอย่างกะทันหัน

หากไม่อยากมือเปื้อนเลือด ไม่อยากให้เกิดความเสียหาย ทำไมไม่ยอมตามข้อเรียกร้องตั้งแต่ต้นจะได้ไม่มีคนตาย เศรษฐกิจไม่สูญเสีย

อภิสิทธิ์ได้ปฏิบัติหน้าที่ที่ประชาชนมอบให้และแก้ไขการเมืองที่ล้มเหลวได้จริงหรือ

3. อภิสิทธิ์มีเจตนาชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้วใช่หรือไม่ที่จะเจรจากับ “กบฏ” เสื้อแดง?

การปล่อยให้มีการชุมนุมที่ไม่ได้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ถึง 2 เดือนโดยไม่มีการดำเนินการใช้อำนาจมหาชนที่ตนเองมีอยู่เพื่อรักษาไว้ซึ่งนิติรัฐเป็นข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่อภิสิทธิ์ต้องชี้แจงว่าเป็นเจตนาของตนเองหรือไม่

แต่ถึงจะไม่ชี้แจง การเสียชีวิตทั้งจากฝ่ายทหารและประชาชนเมื่อ 10 เมษายน 2553 ก็เป็นประจักษ์พยานยืนยันที่ดีว่าหลังจากวันนั้น เขาตั้งใจที่จะเจรจายอมตามข้อเรียกร้องของกบฏเสื้อแดง เพราะเมื่อมีคนตายและหากฝ่ายเสื้อแดงไม่ยอมรับว่าเกิดขึ้นเนื่องมาจากการชุมนุมของฝ่ายตน อภิสิทธิ์ในฐานะผู้ถืออำนาจมหาชนต้องสั่งให้เลิกการชุมนุม หากไม่เลิกก็แสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์และต้องปราบปรามจับกุมโดยทันที หากทหารตำรวจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็ต้องมีการปลดย้าย หากไม่สามารถปลดย้ายได้อภิสิทธิ์ก็ควรลาออก เหล่านี้จึงเป็นมาตรการจากเบาไปหาหนักตามหลักสากลเพราะหากมีอำนาจมหาชนแล้วไม่สามารถใช้ได้หรือใช้ไม่เป็นก็สมควรเปิดทางให้กับผู้อื่นเข้ามาใช้อำนาจมหาชนเพื่อแก้ไขปัญหาแทน

การปล่อยให้มีการชุมนุมต่อไปโดยที่ไม่มีการดำเนินการอะไรเพื่อยุติ จนกระทั่งมีข้อเสนอเพื่อการปรองดองออกมาจึงเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า อภิสิทธิ์ได้เจรจาทางลับกับฝ่ายกบฏเสื้อแดงมาโดยตลอด

อภิสิทธิ์ไม่พูดความจริงกับประชาชนผู้เป็น “เจ้านาย” ของเขาปล่อยให้พวกเขาอยู่กับคำว่า “อดทน” มีอำนาจมหาชนข้อใดที่ให้อำนาจท่านไปเจรจากับฝ่ายที่เป็นกบฏผู้ละเมิดกฎหมายแทนที่จะบังคับใช้กฎหมาย

4. อภิสิทธิ์ “เชื่อว่า” ข้อเสนอเพื่อการปรองดองของตนเองเป็นหนทางที่ดีที่สุด เป็นผลประโยชน์ของประเทศที่จะแก้ไขปัญหา “กบฏ” เสื้อแดง?

มีข้อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่สามารถใช้ประเมินได้ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นทางออกที่แท้จริงหรือเป็นเพียงยาแก้ปวดที่หมอให้บรรเทาอาการโดยไม่คิดหวังรักษาเพราะหมออภิสิทธิ์กลัวมือเปื้อนเลือดคนไข้จากการผ่าตัด

การเจรจากับ “กบฏ” เสื้อแดงและยอมตามคำเรียกร้องเป็นการแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างแจ้งชัดของฝ่ายบริหาร

การอ้างว่า ฝ่ายทหารและตำรวจก็อยู่เฉยๆ ไม่สนองตอบต่อการสั่งการใดจากฝ่ายการเมืองอยู่แล้ว การเจรจาจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ก็เป็นอีกความล้มเหลวของฝ่ายบริหารที่ใช้อำนาจที่มีอยู่ไม่เป็น

ในขณะที่ฝ่ายค้านก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะเข้ามาตรวจสอบชี้แนะการทำงานของฝ่ายรัฐบาลโดยช่องทางที่มีอยู่ เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอ้างแต่ว่าไม่อยากร่วมทำงานกับรัฐบาลมือเปื้อนเลือดจึงเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อเปิดโอกาสให้มีการดำเนินงานนอกสภาแทนที่ในสภา เป็นความล้มเหลวของฝ่ายนิติบัญญัติที่ไม่รู้ว่าส.ส.ฝ่ายค้านแท้จริงแล้วเป็นตัวแทนของใคร

ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนี้ จึงเป็นความล้มเหลวของอำนาจอธิปไตยทั้งในด้านฝ่ายบริหารที่ไม่สามารถใช้อำนาจมหาชนที่ตนมีอยู่ได้และฝ่ายนิติบัญญัติอย่างชัดเจน เหลือไว้แต่เพียงอำนาจตุลาการเท่านั้นเองที่ค้ำจุนบ้านเมืองเอาไว้ แต่หากวันใดศาลบอกว่าไม่อยากตัดสินเพราะเกรงว่าจะทำให้มีคนต้องสูญเสียจากคำพิพากษา บ้านเมืองจะไม่เป็นรัฐที่ล้มเหลวไปหรืออย่างไร

ข้อเสนอเพื่อการปรองดองของอภิสิทธิ์จึงเป็นตัวอย่างของการ “ไม่ทำหน้าที่” ที่ตนเองมีหน้าที่อยู่อย่างชัดเจน เป็นการผลักภาระไปในอนาคตเสมือนหนึ่ง “ไปตายเอาดาบหน้า” อย่างแท้จริง เพราะสิ่งที่ “กบฏ” เสื้อแดงต้องการมิใช่การยุบสภาเพราะเป็นเพียงอิฐก้อนแรก หากแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองซึ่งจะเป็นการนำเอาอิฐหลายก้อนมาก่อตัวเป็นเจดีย์ใหญ่ต่อไปในอนาคต

กรอบแนวคิดข้อเสนอเพื่อความปรองดองของอภิสิทธิ์หากพิจารณาดูให้ถ่องแท้จึงเป็นความพ่ายแพ้ต่อ “คนไม่ดี” ที่กำลังเข้ามาคิดคดต่อบ้านเมืองโดยอาศัยการเลือกตั้งเพื่อเข้ามาใช้อำนาจมหาชนในอนาคต โดยเอาความสงบในปัจจุบันมาเป็นตัวล่อ นี่จึงเป็นความพ่ายแพ้ของประเทศไทยโดยแท้จริง

การปรองดองได้สำเร็จหรือไม่มิใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสาระสำคัญของมันไปตกอยู่ที่การเลือกตั้งที่กำลังจะมีมากกว่าการปฏิรูปการเมือง ที่มิใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ควรจะทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นเสียก่อนแล้วจึงเลือกตั้ง มิใช่เอาวันเลือกตั้งมาเป็นกรอบตัวตั้งแล้วให้กระบวนการปฏิรูปเดินอยู่ภายในกรอบที่จะมีการเลือกตั้งปลายปี โดยมิได้นำพาว่าจะสำเร็จหรือไม่แต่อย่างใด เป็นความล้มเหลวของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอันเนื่องมาจากกลไกของรัฐไม่สามารถทำงานตามที่ควรจะเป็นอันเนื่องมาจากผู้ที่ควรจะรับผิดชอบต่อปัญหาส่วนรวมไม่ว่าจะเป็น นักการเมือง ข้าราชการ ทหารและตำรวจบางส่วน ร่วมกันเอาประโยชน์ตนเองมาเป็นที่ตั้งหาใช่ผลประโยชน์ส่วนรวมตามที่อ้างอย่างใดไม่

อภิสิทธิ์ผู้ที่น่าจะเป็นความหวังของประเทศไทยในความเปลี่ยนแปลงที่ดีจึงเป็นได้แต่เพียงนักเลือกตั้งที่มองผลประโยชน์ระยะสั้นอันเป็นผลต่อพรรคและพวกตนเอง ไม่สามารถที่จะเป็นรัฐบุรุษผู้นำการเปลี่ยนแปลง ที่มองปัญหาระยะยาวมุ่งปัญหาเชิงโครงสร้าง อันเป็นผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า

การตัดสินใจปรองดองอภิสิทธิ์ได้ “ยุบ” พรรคประชาธิปัตย์ไปจากใจของประชาชน “พลเมืองเข้มแข็ง” ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเสียอีก




 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้