12. ธรรมบูรณา ภารกิจศักดิ์สิทธิ์กับบทเรียนการกู้ชาติทางจิตวิญญาณของ ศรี อรพินโธ (ตอนที่ 12) 4/7/2550

12. ธรรมบูรณา ภารกิจศักดิ์สิทธิ์กับบทเรียนการกู้ชาติทางจิตวิญญาณของ ศรี อรพินโธ (ตอนที่ 12) 4/7/2550

ธรรมบูรณา ภารกิจศักดิ์สิทธิ์กับบทเรียนการกู้ชาติทางจิตวิญญาณของ ศรี อรพินโธ (ตอนที่ 12)
 


12. สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง (ต่อ)


สถานที่ที่มีการเปิดของ “ประตูเวลา” ควรจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีความสูง โดยจะต้องอยู่ใกล้กับท้องฟ้าให้มากที่สุด และมีสิ่งกีดกั้นระหว่างคณะผู้ส่งพลังจิตกับท้องฟ้าให้น้อยที่สุด เพื่อจะได้ส่งสัญญาณไปยังมหาจักรวาลเบื้องบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในที่สุด คณะของอาจารย์บูรพาก็ค้นพบสถานที่อันน่าพิศวงแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ที่เรียกกันว่า เขาพนมฉัตร ซึ่งเป็นภูเขาแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ เขาพนมฉัตรนี้นอกจากจะอยู่บนยอดเขาสูงแล้ว ที่สำคัญยังเป็น พื้นที่ที่มีรูปทรงคล้ายพีระมิด ซึ่งตามวิชาพลังจิตแล้วถือว่าเป็น ประตูเวลาตามธรรมชาติ เพราะพีระมิดเป็นสัญลักษณ์ในการเชื่อมต่อมหาจักรวาล โดยเป็นตัวเชื่อมระหว่างมิติอันละเอียดอ่อนกับมิติทางโลกวัตถุ และเป็นตัวกลางในการผสานพลังงานระหว่างพื้นพิภพและแผ่นฟ้า พีระมิดคือหนึ่งในร่องรอยของ “ประตูเวลา” ที่เหลืออยู่ และเป็นหลักฐานสำคัญที่ บ่งบอกว่าครั้งหนึ่ง มนุษย์ในสมัยโบราณเคยติดต่อกับมหาจักรวาลเมื่อนานมาแล้ว แต่วิทยาการเหล่านั้นได้สูญหายไปกับกาลเวลาคงเหลือทิ้งไว้แต่ร่องรอยอดีต เช่น พีระมิดแห่งกีซ่า ประเทศอียิปต์

เหตุที่คณะของอาจารย์บูรพาตกลงเลือกใช้สถานที่บนเขาพนมฉัตร สำหรับการประกอบพิธีพลังจิตเพื่อยับยั้งภัยพิบัติถล่มโลกในช่วงนั้น เพราะได้เห็นภาพจากวิดีโอเทปม้วนหนึ่งที่ถ่ายโดยนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันคนหนึ่งที่มาสังเกตปรากฏการณ์แปลกๆ บนท้องฟ้าที่ เขากะลา ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับเขาพนมฉัตร ภาพจากวิดีโอซึ่งได้บันทึกวันเวลาที่ถ่ายเอาไว้อย่างชัดเจน เป็นภาพที่ “ประตูเวลา” กำลังเคลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ มีลำแสงบางอย่างพุ่งตรงลงมาสู่เขาพนมฉัตร จากนั้น เขาพนมฉัตรก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงรูปทรงไปเป็นรูปพีระมิดดูราวกับพีระมิดสีทองที่ครอบเขา ลูกนี้เอาไว้

ไม่ว่าการค้นพบเขาพนมฉัตรของคณะของอาจารย์บูรพาในครั้งนั้น จะเป็นไปด้วยความบังเอิญ หรือด้วยอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม แต่สรุปแล้ว ถือว่าพวกเขาได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้อันจะทำให้การติดต่อสื่อสารกับมหาจักรวาลเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น นั่นคือ บนลานกว้างของยอดเขาพนมฉัตร ส่วนวันเวลาที่ “ประตูเวลา” จะเปิดปิดนั้น เนื่องจากได้ข้อมูลจากภาพในวิดีโอที่แสดงถึงวันเวลาที่เปิดปิดประตูเวลาไว้ด้วย เมื่อส่งข้อมูลนี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดาราศาสตร์คำนวณตรวจสอบว่าจะมีการเปิดประตูเวลาอีกครั้งเมื่อไหร่ ปรากฏว่าผลการคำนวณออกมาเป็นวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) เวลา 19.45 นาที โดยประตูเวลาจะเปิดเป็นเวลาประมาณ 10 กว่านาทีเท่านั้น

เมื่อองค์ประกอบเรื่องบุคคลและสถานที่ไม่มีปัญหาแล้ว งานต่อมาคือการบรรจุธาตุกายสิทธิ์อย่างเหล็กไหลลงยังพีระมิด ที่จะวางบนยอดสุดของพีระมิดสเตนเลส ตามตำนานของธาตุกายสิทธิ์ได้กล่าวถึงเหล็กไหลไว้ว่า เป็นวัตถุธาตุที่มีแหล่งกำเนิดจากจักรวาล เหล็กไหลเป็นวัตถุธาตุที่มาจากนอกโลก โดยผ่านประตูเวลาโดยได้เดินทางเข้ามายังโลกของเราเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว ครั้งแรกที่เหล็กไหลมาถึงโลก มันยังคงเป็นของเหลวที่มีลักษณะสีดำข้น สามารถลื่นไหลไปตามที่ต่างๆ ได้ ต่อมาเหล็กไหลได้แยกย้ายตัวเองไปตามส่วนต่างๆ ของโลก ทั้งใต้ดิน ในถ้ำ และในน้ำที่ห่างไกลจากผู้คน เพื่อรอคอยเวลาจนกว่าจะมีผู้ที่มีพลังจิตมาค้นพบ และนำเอาไปใช้ประโยชน์ในการช่วยโลกให้พ้นจากภัยพิบัติ

เหล็กไหลเป็นธาตุที่มีพลังในตัวสูงมาก คนทั่วไปเข้าใจว่าเหล็กไหลมีไว้สำหรับป้องกันตัว แต่ความจริงแล้ว เหล็กไหลมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือ มันสามารถช่วยในการเปิดมิติได้ เพราะเหล็กไหลสามารถแผ่พลังงานออกมามีลักษณะเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีอานุภาพทำให้คลื่นความถี่ และสนามพลังงานของพื้นที่โดยรอบๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประตูเวลาเปิดขึ้นได้

เราต้องเข้าใจก่อนว่า การเปิดตัวของ “ประตูเวลา” นั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการเปลี่ยนแปลงคลื่นความถี่ ซึ่งทำได้ 2 วิธีคือ โดยการทำสมาธิเปลี่ยนคลื่นความถี่ของจิตกับใช้การเปลี่ยนคลื่นความถี่ของพื้นที่ด้วยธาตุกายสิทธิ์อย่างเหล็กไหล เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่นั้นสามารถก้าวข้ามผ่านมิติเวลาได้ โดยปกติแล้ว นักพลังจิตจะใช้ 2 วิธีข้างต้นนี้ควบคู่กันไปในการเปิดมิติ โดยการทำสมาธิร่วมกับเหล็กไหลซึ่งมีคุณวิเศษเหมือนผู้ที่สำเร็จขั้นอภิญญา พลังอำนาจของเหล็กไหลจะช่วยในการทำสมาธิของผู้นั้นทำให้จิตของผู้นั้นละเอียดจนถึงที่สุด และช่วยกำราบมารต่างๆ ที่มาขวางญาณทัสนะของผู้นั้นได้

ในตอนแรกคณะของอาจารย์บูรพาทำยอดพีระมิดจากผลึกแก้วก่อนแต่ไม่สามารถบรรจุเหล็กไหลลงไปได้ ต่อมาจึงมีผู้นำเอาพีระมิดที่ทำจากสะเก็ดดาวตกจากนอกโลกมาให้เป็นหินดำ จึงสามารถบรรจุเหล็กไหลชนิดต่างๆ ลงไปในยอดพีระมิดได้ เนื่องจากเหล็กไหลเหล่านี้มีพลังงานจักรวาลอยู่ในตัวเอง เมื่อได้รับพลังจิตจากกลุ่มนักพลังจิตช่วยหนุนส่งจะมีการเปล่งรัศมีออกมา ซึ่งหากมีการเปล่งรัศมีในช่วงที่ประตูเวลาเปิดก็ย่อมส่งเจตนาผ่านไปยังมหาจักรวาลได้

* * * * *

...เย็นวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 ณ ยอดเขาพนมฉัตร

นักพลังจิตและผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนาจำนวนร้อยกว่าคนต่างเข้านั่งประจำตำแหน่งรายรอบ วงดาวหกแฉกที่ทำด้วยเส้นทองแดงอันเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรวาล บริเวณตรงกลางของดาวหกแฉกจัดวางพีระมิดที่ทำด้วยสเตนเลส โดยมีพีระมิดหินดำขนาดเล็กที่ทำมาจากอุกกาบาต นอกโลกภายในบรรจุเหล็กไหลชนิดต่างๆ มาวางเอาไว้ที่ส่วนปลายยอดของพีระมิดสเตนเลสนั้น

พีระมิดหินดำที่บรรจุเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์นี้ถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของปฏิบัติการครั้งนี้ เพราะเมื่อทุกคนทำสมาธิรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวแล้ว จะต้องส่งพลังจิตนี้ให้รวมไปที่ยอดพีระมิดหินดำนี้ จนกระทั่งเกิดการเปล่งแสงออกมาแล้วพุ่งขึ้นไปยังมหาจักรวาล จึงจะถือได้ว่าสำเร็จลุล่วง

คณะของอาจารย์บูรพาได้เลือกนักพลังจิตที่มีโครงสร้างร่างกายแข็งแรงที่สุดเป็นผู้นั่งอยู่ภายในพีระมิดสแตนเลส อันเป็นจุดศูนย์กลางของเครื่องหมายจักรวาลดาวหกแฉก คนผู้นี้จะต้องทำหน้าที่เป็นตัวกลางคือ เป็นสะพานที่จะรับพลังงานจากดวงจิตของนักพลังจิตทั้งหมดร้อยกว่าคนส่งผ่านไปยังพีระมิดหินดำที่ตั้งอยู่บนยอดพีระมิดสเตนเลสนั้น

ถ้าทั้งหมดทำสมาธิได้ผลจะเกิดพลังงานขึ้น พลังงานเหล่านี้จะส่งผลให้เส้นทองแดงดาวหกแฉกที่ทำเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรวาลเกิดการเปล่งแสง ผ่านไปยังประตูเวลาที่เปิดขึ้นในบริเวณนี้พอดี

จวนจะใกล้เวลา 19.45 นาทีเข้าไปทุกทีแล้ว ทุกคนตระหนักดีว่าประตูเวลาจะเปิดเป็นเวลาไม่นานนัก และมีเวลาเพียง 10 กว่านาทีเท่านั้น ที่คณะนักพลังจิตคณะนี้จะต้องทำสมาธิจนกระทั่งพีระมิดเปล่งแสงขึ้นมาให้ได้

แม้ว่าทุกคนจะเป็นนักพลังจิต และเป็นนักปฏิบัติสมาธิที่ช่ำชองก็ตาม แต่การเข้าสมาธิในภาวะที่มีความกดดันในเรื่องข้อจำกัดทางด้านเวลา จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก อีกทั้งการทำสมาธิในครั้งนี้เป็นการทำสมาธิรวมกลุ่มที่ต้องเข้าสมาธิพร้อมกันร้อยกว่าคน มิหนำซ้ำทุกคนต้องสำรวม จิตให้สงบโดยเร็ว และพร้อมเพรียงกันให้ทันกับประตูเวลาทางธรรมชาติที่กำลังจะเปิดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

ถ้าหากเวลานั้นมาถึงแล้วทุกคนยังไม่สามารถเข้าสมาธิได้ตามที่ตั้งใจ การทำสมาธิในครั้งนี้ก็อาจจะประสบกับความล้มเหลว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า พวกเขาไม่สามารถที่จะสื่อสารกับมหาจักรวาลเพื่อยับยั้งภัยพิบัติที่เชื่อกันว่าจะเกิดขึ้นได้

โดยการสลับที่นั่งของผู้ที่ได้สมาธิแล้วในกลุ่มให้กระจายออกไปทั่วจนพอเห็นเป็นภาพของ “สะพานของดวงจิต” ได้อย่างทั่วถึง แล้วให้ทุกคนทำสมาธิต่อไป เพียงแค่ 2-3 นาทีต่อมาปรากฏว่าทุกคนเริ่มได้สมาธิขึ้นทีละน้อยๆ ภาพของสะพานแห่งดวงจิตปรากฏชัดขึ้นทีละน้อย

เวลา 19.45 นาที!!

ช่วงนั้นเองที่ภาพของสะพานแห่งดวงจิตสว่างไสวและปรากฏขึ้นชัดเจนทันเวลากับที่ ประตูเวลาตามธรรมชาติก็เปิดขึ้น พร้อมกันนั้น นักพลังจิตทุกคนก็ดำเนินการส่งเจตนาไปยังมหาจักรวาลทันที กระแสแห่งพลังจิตทั้งหมดร้อยกว่าดวง พุ่งตรงมายังคนกลางที่นั่งอยู่ภายในพีระมิดสเตนเลสจนร่างของคนกลางสั่นสะท้าน เพราะมีพลังงานจำนวนมหาศาลไหลผ่านเข้ามาในร่าง

ทันใดนั้นเอง ยอดพีระมิดที่สร้างจากหินอุกกาบาตสีดำก็ค่อยๆ เรืองแสงขึ้นทีละน้อย จนเปล่งแสงสว่างออกมาอย่างเต็มที่ และรับเอาพลังงานแห่งดวงจิตร้อยกว่าดวง เป็นลำแสงพุ่งขึ้นไปเป็นเส้นตรง ซึ่งเป็นช่วงเวลาไม่กี่นาทีก่อนที่ประตูเวลากำลังจะปิด ตอนนั้นทุกคนต่างพร้อมใจกัน ส่งเจตนา และแผ่เมตตาอย่างแน่วแน่ผ่านประตูเวลาไปยังมหาจักรวาล อันยิ่งใหญ่

หลังจากการทำพิธีนั่งสมาธิเพื่อส่งเจตนาไปยังมหาจักรวาลได้เสร็จสิ้นลง ปรากฏว่าบริเวณพื้นปูนซีเมนต์ที่คณะนักพลังจิตจัดวางเส้นทองแดงเป็นรูปดาวหกแฉก กลับมีรอยไหม้สีดำปรากฏอยู่ ที่พื้นซีเมนต์ การที่จะเกิดรอยไหม้ประทับอยู่บนพื้นซีเมนต์แบบนี้ได้ต้องใช้ความร้อนที่สูงมาก แต่นักพลังจิตที่นั่งอยู่ภายในบริเวณนั้นกลับไม่ได้รับอันตรายหรือรู้สึกถึงความร้อนเหล่านั้นเลย

หลายปีต่อมา เมื่ออาจารย์บูรพา ผดุงไทย กลับไปเยือนที่เขา พนมฉัตรอีกครั้ง ก็ยังเห็นรอยไหม้สีดำรูปดาวหกแฉกนั้น แม้ว่ารอยไหม้สีดำนั้นจะจางลงไปมากแล้วก็ตาม








 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้